Open on Mon – Fri 09:00-18:00

facebook technicalbiomed
วิธีลดไขมัน

ออกกำลังกายมาตั้งนาน ลดไขมัน ไม่ได้สักที!

วิธีลดไขมัน

“ออกกำลังกายมาตั้งนาน
ลดไขมัน ไม่ได้สักที”

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน การดูแลรูปร่างให้สวยและดูดีนั้น ถือเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน ที่รักและหลงไหลในการดูแลรูปร่าง เราปฎิเสธไม่ได้ว่า แนวคิดเรื่องของการลดไขมันเพื่อรูปร่างที่สวยแบบพิมพ์นิยม หรือ บิวตี้สแตนดาร์ด (Beauty standard) นั้น ถูกปลูกฝังมาอย่างเนิ่นนาน แม้ในปัจจุบันคำนิยามของคำว่า “Real Size Beauty” กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากก็ตาม เพื่อเปิดมุมมองอีกด้านของการภูมิใจในตัวตนและความแตกต่างของรูปร่างตนเอง ทำให้ในสังคมไทยมีมุมมองเรื่องของความสวยในรูปร่างที่หลากหลายออกไป จึงไม่แปลก ที่ใครหลาย ๆ คน ยังต้องการลดไขมันเพื่อให้ได้รูปร่างที่สวยและดูดีอยู่เสมอ ทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับตนเองอีกด้วย 

 

          แน่นอน “การลดไขมัน” ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ต้องอาศัยความพยายาม ความตั้งใจ และการมีวินัยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก และการควบคุมอาหารอยู่ตลอดเวลาเพื่อลดไขมัน บางคนถึงกับท้อและสิ้นหวังในการลดไขมันอย่างมาก เพื่อแลกมากับรูปร่างที่ดูดี ไร้ไขมัน จึงเกิดเป็นคำถามว่า “ออกกำลังกายมาตั้งนาน ทำไมลดไขมันไม่ได้สักที” 

หากเราจะพูดถึงประโยชน์ของ “ไขมัน” ไม่ว่าจะใช้เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือช่วยดูดซึมและสะสมวิตามินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงรสชาติของอาหารที่มีความนุ่มลิ้น ถูกปากสำหรับหลาย ๆ คน  จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมของไขมันที่มากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย

 

เกิดเป็นไขมันที่สะสมในชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) นอกจากจะทำให้รูปร่างอ้วนและลงพุงแล้ว ยังก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ และคอเรสเตอรอลในเลือดสูง โดยการพิจารณาว่าบุคคลใดมีรูปร่างที่อ้วนหรือผอมไป นั้นต้องพิจารณาจาก ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้ประเมินภาวะอ้วนและผอมในผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป มีค่าเท่ากับ น้ำหนัก (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง บุคคลที่มีดัชนีมวลกายเกิน 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สื่อถึงภาวะน้ำหนักเกินที่ส่งผลกระทบถึงสุขภาพ

เมื่อร่างกายมีไขมันส่วนเกินเพิ่มขึ้น เซลล์ไขมันก็จะมีจำนวนมากขึ้นและขนาดใหญ่ขึ้นตามมา เกิดการรวมตัวอย่างหนาแน่นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือท้องแขน เป็นต้น ทำให้รูปร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจนทำให้หลาย ๆ คนต้องกลับมาตั้งคำถามว่า จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยแก้ปัญหาหรือเป็นทางเลือกสำหรับ “การลดไขมัน” ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ  

ดังนั้น หากรู้สึกว่าเรามีไขมันสะสมเกินความจำเป็นของร่างกาย และอยากดูแลรูปร่างของตนเองให้ดูดี มีหุ่นที่สวย สุขภาพดีอยู่เสมอ ต้องเริ่มจากเคล็ดไม่ลับ 9+1 ข้อ

ดังต่อไปนี้

วิธีลดไขมัน
  1. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ดื่มได้เฉพาะน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเทียม 

เช่น เป็ปซี่แม็กซ์ ไดเอทโค้ก 

 

  1. หลีกเลี่ยงน้ำหวาน โอเลี้ยง นมเปรี้ยว และนมที่ปรุงแต่งรสต่าง ๆ ในส่วนของการดื่มชาหรือกาแฟ ไม่ควรใส่น้ำตาล ครีมเทียม หรือนมข้นหวาน ให้ใส่นมพร่องมันเนย หรือน้ำตาลเทียมแทน รวมไปถึงหากต้องการดื่มนม ควรเลือกนมที่มีไขมันต่ำหรือพร่องมันเนย 

 

  1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ไวน์ หรือวิสกี้ เนื่องจากมีปริมาณแคลอรี่สูง

 

  1. หลีกเลี่ยงอาหารประเภทผัด และทอดทุกชนิด ถ้าจำเป็นควรเลือกใช้น้ำมันพืช

แนะนำรับประทานอาหารประเภทต้ม, ตุ๋น, นึ่ง, ย่าง, อบ หลีกเลี่ยงอาหารที่มัน ๆ เช่น แกงกะทิ 

 

  1. หลีกเลี่ยงรับประทานประเภทข้าวขัดขาว ข้าวสวย ควรทานข้าวไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสีนิล เป็นต้น และงดอาหารประเภทแป้ง เช่น ขนมปัง หรือก๋วยเตี๋ยวในปริมาณที่มากเกินไป

 

  1. ควรรับประทานผัก ผลไม้ และดื่มน้ำเปล่า ในปริมาณมากขึ้นในแต่ละมื้อ เช่น ฝรั่ง ส้ม  กล้วย  แอปเปิ้ล ไม่ควรรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย ผลไม้เชื่อม และผลไม้แห้งทุกชนิด

 

  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง หรือมีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนื้อมะพร้าว ลดการกินไขมันจากสัตว์ทุกชนิด เนื้อสัตว์ที่ติดมัน หมูสามชั้น ไส้กรอก รวมไปถึงเครื่องใน ไข่แดง ไข่ปลา และอาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก ควรเน้นรับประทานเป็นปลา หรือเนื้อหมู, ไก่ หรือวัวที่ไม่ติดมัน

 

  1. งดรับประทานขนมกินเล่น อาหารที่ใส่กะทิหรือน้ำตาลมาก ๆ เช่น ขนมฝอยทองทองหยิบ  ทองหยอด ขนมเค้ก ช็อกโกแล็ต ไอศกรีม คุกกี้ แครกเกอร์ สังขยา เป็นต้น รวมทั้งการทานของจุบจิบระหว่างวัน

 

  1. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ระยะเวลาติดต่อกัน (วันละ 30-40 นาที) 

อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง โดยเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น   และหายใจเร็วขึ้น (Aerobic exercise) เช่น การวิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ

เล่นเทนนิส แบดมินตัน หรือเตะฟุตบอล ที่สำคัญการที่จะลดไขมันลงได้ พลังงานที่ใช้ต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับ หากไม่สามารถควบคุมปริมาณอาหารได้ ก็ต้องออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่หากออกกำลังกายได้น้อย จึงจำเป็นต้องควบคุมพลังงานที่ได้รับจากอาหาร ก็จะสามารถควบคุมเรื่องของปริมาณไขมันส่วนเกินได้

นอกจาก 9 วิธีการลดไขมัน ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็ยังมีอีก 1 ทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในยุคแห่งความเร่งรีบนี้ได้อย่างดีเยี่ยม นั่นคือวิธีลดไขมันด้วย SculpSure – เลเซอร์กำจัดไขมันถาวร ภายใน 25 นาที

 

เทคโนโลยี SculpSure เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการสุขภาพและความงาม ตัวเครื่องเป็น Adsvanced Laser 1060 นาโนเมตร สามารถปล่อยพลังงานความร้อน 42-47C ทำให้เซลล์ไขมันเกิดภาวะช็อกแล้วตายไป และร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดไขมันออกตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ผิวบริเวณที่ทำจะไม่มีรอยหรือบาดเจ็บใด ๆ สัดส่วนบริเวณนั้นก็จะ Fit & Firm ขึ้นอีกด้วย ทั้งยังเป็นทรีทเมนต์ที่รวดเร็ว ใช้เวลาสั้นเพียง 25 นาที คนไข้ไม่จำเป็นต้องฟักฟื้น หลังทำสามารถกลับบ้านหรือไปทำงานได้ตามปกติ 

เรียกได้ว่า SculpSure เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์สำหรับคนรักในการดูแลรูปร่างและต้องการลดไขมันส่วนเกินที่กำจัดยากได้อย่างลงตัว

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
Venus Legacy

ร่วมปฏิบัติการ “Feel Good Boost หุ่นสวยด้วย “Venus Legacy™”

Venus Legacy
Venus Legacy
Venus Legacy

ร่วมปฏิบัติการ Feel Good Boost หุ่นสวยด้วย Venus Legacy™"

เพราะ Work From Home มายาวนาน ทานฟาสฟู๊ด ขนมหวานจนหุ่นหนา ขาเบียด เซลลูไลท์ถามหา ได้เวลาปลดล็อค มา TRIM & TITE ฟื้นหุ่น ด้วย Venus Legacy นวัตกรรม RF4D ระดับ world class จากสหรัฐอเมริกา ด้วยเทคโนโลยี (MP)2 ที่ผสานพลังงานคลื่นวิทยุชนิด Multipolar RF และ PEMF ในการส่งผ่านพลังงานได้ลงลึกถึงชั้นไขมัน และสะสมอุณหภูมิใต้ชั้นผิวถึง 43-45 °C พร้อมมี Varipulse™ เพิ่มจังหวะการดูดและผลักเพื่อให้พลังงานลงได้ลึกกว่าที่เคยมีมา

 

ระบบ Real-time thermal Feedback ที่สามารถแสดงอุณหภูมิขณะรักษาได้ตลอด 25 นาที ที่ทำการรักษา เพื่อเพิ่มผลลัพธ์และความปลอดภัย สามารถสลายไขมัน ลดปัญหาเซลลูไลท์ ฟื้นฟูและลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ พร้อมยกกระชับสัดส่วนได้ทั่วเรือนร่าง ทั้งช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตและระบบต่อมน้ำเหลืองในการขับของเสีย จึงทำให้ผิวเปล่งปลั่งขึ้น ได้ทั้งความสบายผิว พร้อมความปลอดภัย ได้มาตรฐานการรับรองจาก US.FDA และสามารถกลับมาทำซ้ำได้บ่อยครั้ง ตามต้องการ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีบาดแผลใด ๆ

สัมผัสผลลัพธ์และโปรโมชั่นพิเศษด้วยตัวคุณเองได้แล้ววันนี้ที่คลินิกชั้นนำทั่วประเทศไทย

ค้นหาคลินิกชั้นนำที่ให้บริการใกล้คุณ ได้ที่ด้านล่างนี้

Radius: KM
Loading...
HOSPITALS & CLINICS: 0 PRINT

Store Direction

Get Your Directions

LOCATE YOUR GEOPOSITION

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
body-jet® GET OVER คลายล็อค Knock หุ่นวาฬ ด้วยพลังน้ำ

body-jet® GET OVER คลายล็อค Knock หุ่นวาฬด้วยพลังน้ำ

body-jet® GET OVER คลายล็อค Knock หุ่นวาฬ ด้วยพลังน้ำ
ดูดไขมันที่ไหนดี
ดูดไขมันที่ไหนดี
ดูดไขมันที่ไหนดี

body-jet® GET OVER คลายล็อค Knock หุ่นวาฬด้วยพลังน้ำ

work from home นานเกินไป เลยกลายเป็นหุ่นปลาวาฬ! 🐳
body-jet® นวัตกรรมการดูดไขมันด้วยเทคโนโลยีพลังน้ำ water jet-assisted liposuction
ที่เข้าไปแยกชั้นไขมันพร้อมดูดออกในขั้นตอนเดียว

💧 ตอบโจทย์การดูแลรูปร่างในทุกส่วนของร่างกาย ทั้ง ต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง สะโพก เอว
💧 ดูดไขมันส่วนเกิน พร้อมเติมกลับเข้าไปยังส่วนที่ขาด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
💧 ใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องใช้ยาสลบ
💧 ระยะพักฟื้นสั้น และเห็นผลลัพธ์การลดลงของสัดส่วนได้ทันที
body-jet® เพิ่มความมั่นใจ ปรับรูปร่าง สะดวก รวดเร็ว เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ

 

สำหรับหนุ่มสาวที่อยากพิชิตหุ่นวาฬ ด้วยพลังน้ำอันอ่อนโยนจาก body-jet® ภายใต้มาตรฐาน U.S. & THAI FDA

ค้นหาคลินิกชั้นนำที่ให้บริการใกล้คุณ ได้ที่ด้านล่างนี้

Radius: KM
Loading...
HOSPITALS & CLINICS: 0 PRINT

Store Direction

Get Your Directions

LOCATE YOUR GEOPOSITION

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure

ปลดล็อค Knock ไขมัน ไปกับ SculpSure

ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure
ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure
ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure

ร่วมปฏิบัติการ "ปลดล็อค Knock ไขมัน ไปกับ SculpSure"

A New Revolution to Transform Your Body

เตรียมพิชิตไขมันช่วง Work From Home ด้วย SculpSure นวัตกรรม Laser Lipolysis (Diode Laser 1060 nm) เครื่องแรกของโลก!
ทางเลือกใหม่ในการกำจัดไขมันดื้อด้าน (stubborn fat) อย่างถาวร

 

พร้อมปฏิบัติการ 🔥burn🔥ไขมันไปกับ “SculpSure”
ใช้เวลาพียง 25 นาที ⏱ ก็สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้สูงสุดถึง 24%

 

สำหรับหนุ่มสาวที่อยากพิชิตหุ่น ไม่ต้องทนเจ็บ เห็นผลทันใจ ปลอดภัย ด้วยมาตรฐาน U.S.FDA

ค้นหาคลินิกชั้นนำที่ให้บริการ SculpSure Treatment ใกล้คุณ ได้ที่ด้านล่างนี้

Radius: KM
Loading...
HOSPITALS & CLINICS: 0 PRINT

Store Direction

Get Your Directions

LOCATE YOUR GEOPOSITION

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
Venus Viva MD นวัตกรรมรักษาหลุมสิว

Venus Viva MD นวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อการรักษาหลุมสิว

Venus Viva MD นวัตกรรมรักษาหลุมสิว

Venus Viva MD
นวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิว

หลุมสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้กว่า 95% ของผู้มีปัญหาสิว ซึ่งพบได้ทั้งชายและหญิงทั่วโลกตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่เกิดจากความเสียหายของเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวจากการอักเสบรุนแรงของสิวประเภทต่างๆ โดยเมื่ออาการของสิวทุเลาลง ร่างกายจะมีกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติด้วยการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูให้ผิวกลับสู่สภาวะปกติ แต่เมื่อกระบวนการซ่อมแซมผิวมีความผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหารอยแผลเป็นจากสิวขึ้น ซึ่ง หลุมสิวเป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนที่น้อยจนเกินไป ทำให้ผิวเกิดเป็นหลุมตื้นหรือลึกบนใบหน้า แตกต่างกันออกไป หากในบางคนที่มีปัญหารุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ทำให้เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้

ปัญหาหลุมสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่คนส่วนใหญ่ เลือกพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษามากที่สุด โดยทางเลือกการรักษามีหลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Chemical Peeling , การรับประทานยา, การรักษาด้วย Skin Needing หรือการทำ Subcision ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มลงไปที่ผิวหนังเพื่อตัดพังผืดใต้หลุมสิวออก จนถึงการผ่าตัดเย็บหลุมสิว และวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น IPL , Laser  และนวัตกรรม RF อย่างเช่น Venus Viva MD ที่เป็นหนึ่งใน Gold Standard  ด้านการฟื้นฟูผิว และยังเป็น Ablative Fractional  RF เครื่องแรกที่ให้ผลการรักษาเท่าเทียมกับการใช้แสงเลเซอร์

Venus Viva MD มิติใหม่เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิวและผิวอย่างตรงจุด

Venus Viva MD อีกหนึ่งนวัตกรรมของวงการแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษาหลุมสิวและฟื้นฟูผิวหน้า ด้วย FirmFX™ แอพพลิเคเตอร์ ที่มีผสมผสานการทำงานร่วมกันของ 2 เทคโนโลยี ระหว่าง Ablative NanoFractional Radiofrequency โดยปล่อยคลื่นวิทยุแบบหลายขั้ว (Multi-Polar RF) เพื่อส่งผ่านพลังงานความร้อนกว่า 100ºC ลงสู่เนื้อเยื่อผิวอย่างละเอียดแม่นยำและลึกได้สูงสุดถึง 500 ไมครอน ผ่านทางปลาย pin ขนาดเล็ก จำนวน 160 pin  ทำให้ผิวเกิดแผลขนาดเล็กละเอียดสลับกับเนื้อเยื่อผิวที่ดี ส่งผลให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมผิว พร้อมกับการแผ่พลังงานความร้อนลงสู่เนื้อเยื่อผิวชั้นลึก ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนให้ผสานกันอย่างเป็นระเบียบและแข็งแรงขึ้น นำไปสู่กระบวนการฟื้นฟูหลุมสิวชนิดต่างๆ ทั้งตื้นและลึก รวมถึงแก้ปัญหาผิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

พร้อมกับความพิเศษอีกระดับ ด้วยเทคโนโลยี SmartScan ™

อีกหนึ่งความพิเศษของ Venus Viva MD คือ การมีเทคโนโลยี SmartScan™ ที่ควบคุมการปล่อยพลังงานได้หลากหลายรูปแบบ (Random) โดยที่ไม่มีเครื่องใดทำได้มาก่อน พร้อมอัลกอริทึมในการปล่อยพลังงานเฉพาะตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรอยโรค ทั้งสามารถควบคุมการลงลึกและระดับของพลังงาน เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความสบายผิวให้แก่ผู้รับการรักษาได้อย่างตรงจุด

 

นอกจากนี้ด้วยความที่ขนาดของแผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยเครื่อง Venus Viva MD มีขนาดที่เล็กมาก จึงทำให้บาดแผลหายได้อย่างรวดเร็ว และยังลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น การเกิด PIH ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ดั่งผลงานวิจัยทางคลินิกของ Hongcharu W, MD และ Gold M, MD ที่ระบุว่า ผลจากการรักษาด้วย Venus Viva MD มีโอกาสเสี่ยงในการเกิด PIH ได้ 18.1% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วย CO2 Lasers และ Er:Glass Lasers ที่มีโอกาสเกิด PIH ได้ถึง 81.8% และ 36.4% ตามลำดับ

 

ดังนั้น Venus Viva MD จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการฟื้นฟูหลุมสิว รวมทั้งปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม สามารถใช้ได้ในทุกสภาพผิว ทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมทั้งได้รับการรับรองความปลอดภัยด้วยมาตรฐาน US.FDA และ THAI FDA

Reference :

 

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
5 เคล็ดลับโปรโมทคลินิกความงาม

5 เคล็ดลับ ในการโปรโมทบริการของคลินิกความงามให้ดียิ่งขึ้น

5 เคล็ดลับโปรโมทคลินิกความงาม

5 เคล็ดลับ ในการโปรโมทบริการของคลินิกความงามให้ดียิ่งขึ้น

1. โปรโมททรีทเมนท์ผลลัพธ์การรักษา

ผลลัพธ์การรักษานั้น ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าในการเข้ารับบริการต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาสู่ยอดขายได้

เคล็ดลับคือ หลังจากโปรโมทไปเเล้ว เก็บบันทึกข้อมูลยอดขาย เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นต่อให้กับคนไข้ในอนาคต โดยในปี 2021 นี้ เทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม คือ การรักษาที่มีประสิทธิภาพ เเต่ระยะเวลาการรักษาเเละพักฟื้นสั้น

2. ให้ความสนใจกับการบอกต่อ ผลลัพธ์การรักษา

ลูกค้าที่ประทับใจในผลการรักษาทรีทเมนท์ในคลินิกความงามนั้น สามารถเปลี่ยนเป็น Ambassadors ของคลินิกของคุณได้อย่างดีเยี่ยม เพียงเเค่สร้างโปรโมชั่นสำหรับคนไข้ที่บอกต่อ เพื่อสร้าง Prospect ใหม่ๆ ให้กับคลินิกของคุณ

3. ประเมินฐานคนไข้ในคลินิก

การประเมินฐานคนไข้ในคลินิกของคุณนั้นสามารถทำให้ คุณสามารถออกเเบบโปรโมชั่น เเละข้อเสนอได้ตรงใจคนไข้มากยิ่งขึ้น

4. สร้างเเบรนด์คลินิกความงามของคุณ

การสร้างเเบรนด์ให้เป็นที่จดจำ เมื่อรวมกับผลการรักษาที่ยอดเยี่ยมนั้น ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากกว่า ซึ่งในปี 2021 นี้ เทรนด์การรับชมวิดิโอ ยังได้รับความนิยมสูงอย่างมาก ทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงผลลัพธ์การรักษาในรูปเเบบที่เข้าใจได้ง่ายเเละกระตุ้นภาพจำของเเบรนด์คลินิกความงามของคุณอีกด้วย

5. ให้ความสะดวกสบายกับคนไข้ ในการปรึกษาเเนวทางการรักษา

ปัจจุบันช่องทางออนไลน์นั้น เอื้อประโยชน์ในการให้คำปรึกษาคนไข้ รวมไปถึงการเเจ้งตารางนัดหมายเพื่อเข้ารับการรักษา

ซึ่งจะทำให้เกิด Relationship กับคนไข้ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้คนไข้รู้สึกเหมือนกำลังได้รับคำปรึกษากับทีมผู้เชี่ยวชาญตัวจริง

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
Venus Viva MD

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD

การทำ Skin resurfacing เป็นหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคลินิกความงามทั้งในและต่างประเทศ ในด้านการรักษาปัญหาต่างๆ ทั้งริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยร่องตื้น รอยแผลเป็นจากสิว รอยแตกลาย รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอและปัญหาผิวอื่นๆ


แม้ว่าอาจจะมีเทคโนโลยรอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย แต่เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้เชี่ยวชาญในทุกวันนี้ คือ NanoFractional™ Radio Frequency ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในรูปแบบ Fractional Ablative ที่ได้รับการพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ร่วมกับความปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิว


Venus Viva™ MD เป็นเทคโนโลยีเพื่อการดูแลผิว โดยอาศัยการทำงานร่วมกันของ เทคโนโลยี NanoFractional™ Radio Frequency (RF) และเทคโนโลยี SmartScan™ ในการส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิว ทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นบาดแผลสลับกับเนื้อเยื่อปกติ (fractional resurfacing system) เพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูผิวบริเวณนั้นๆ โดยสามารถปรับเปลี่ยนพลังงานในการรักษาได้หลากหลาย ตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีระยะการพักฟื้นที่สั้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Venus Viva™ MD จึงเป็นอีกเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่กำลังมองหาอุปกรณ์เพื่อการฟื้นฟูผิวที่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและตอบโจทย์ต่อคนไข้ค่ะ


โดยในบทความนี้เราได้รวบรวม 10 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD มาฝากกันค่ะ  

1. It’s Highly Customizable

Venus Viva™ MD สามารถปรับรูปแบบการรักษาได้ทั้งด้านพลังงาน และ Pulse Duration เพื่อควบคุมการส่งพลังงาน NanoFractional Radio Frequency ให้เหมาะสมกับแต่ละปัญหาผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดร่วมกับความสบายผิวของคนไข้ที่เข้ารับการรักษา

Venus Viva MD

2. The Technology is Revolutionary

Venus Viva™ MD ได้มีการพัฒนา NanoFractional RF™ applicator ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยหัวทิป 2 รูปแบบ ที่มีความเข้มและความหนาแน่นของพลังงานที่แตกต่างกัน เพื่อเสริมการรักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในแอพพลิเคเตอร์ของ Venus Viva™ MD ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี SmartScan™ ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ เพื่อช่วยให้พลังงานสามารถลงสู่ชั้นผิวได้ดีและหลากหลายมากขึ้น

Venus Viva MD

3. Safe for All Skin Types*

การรักษาด้วย Venus Viva™ MD มีความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) ซึ่งเป็นข้อกังวลใจในการทำ Skin resurfacing สำหรับผู้ที่มี Fitzpatrick Skin types IV-VI

4. Perform Treatments with Low Downtime

ด้วยความพิเศษในการทำงานร่วมกันของ NanoFractional RF™ และเทคโนโลยี SmartScan™ ในการส่งพลังงานผ่านพินขนาดเล็ก ซึ่งพินเหล่านี้จะทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นบาดแผลขนาดเล็ก (micro-dermal wounds) สลับกับเนื้อเยื่อผิวที่ดี เพื่อช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูผิวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

5. It Has a Unique Applicator

Venus Viva™ MD applicator ผ่านการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสะดวกต่อทั้งผู้ให้บริการและผู้รับการรักษา และด้วยหัวทิปที่สามารถเลือกใช้ได้ 2 รูปแบบ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้หลากหลายและตรงจุดมากยิ่งขึ้น

6. Patented Tip Technology

Venus Viva™ MD applicator เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ โดยสามารถส่งพลังงานได้สูงสุด 700 พัลส์ พลังงานลงได้ลึกถึง 800 µm นอกจากนี้ยังครอบคลุมพื้นที่การรักษาได้มากขึ้นเพื่อร่นระยะเวลาในการรักษาให้สั้นลง

Venus Viva MD

7. Choice of Two Tips

Venus Viva™ MD มาพร้อมกับหัวทิป 2 รูปแบบ ทั้งชนิด 160 พิน ที่สามารถส่งได้ 62 mJ/pin เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวต่างๆ รวมถึงลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนที่กว้าง รวมถึงรอยแตกลาย และหัวทิปชนิด 80 พินที่ส่งพลังงานได้ถึง 124 mJ/pin โดยความสามารถในการส่งพลังงานลงสู่ผิวได้ลึกยิ่งขึ้น จึงตอบโจทย์สำหรับการรักษาปัญหาผิวที่ค่อนข้างรุนแรง ทั้งปัญหาริ้วรอยลึกและหลุมสิวประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Venus Viva MD

8. Enhanced with SmartScan™ Technology

SmartScan™ เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของ Venus Viva เพื่อส่งและกระจายพลังงานลงสู่เนื้อเยื่อผิวได้อย่างเหมาะสมและทั่วถึงในรูปแบบสุ่ม (random) ผ่านอัลกอริทึมเฉพาะตัว เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่และความสบายผิวของคนไข้มากยิ่งขึ้น

Venus Viva MD

9. Equipped with DiamondPolar™ Applicator

DiamondPolar™ applicator เป็นการรวมกันของคลื่นความถี่วิทยุหลายขั้ว (RF) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (PEMF) หรือที่เรารู้จักกันดีในรูปแบบของเทคโนโลยี (MP)2 ของ Venus Concept ด้วยการจัดวางตัวอิเล็กโทรดอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถทำการรักษาได้หลากหลาย ทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา คอ รวมถึงบริเวณต่างๆ ที่เข้าถึงยาก

Venus Viva MD

10. It’s Supported by Venus Concept’s Unique Business Model

ด้วยการสนับสนุนจาก Venus Concept ทั้งด้านการตลาด การฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการให้คำปรึกษาในการซ่อมบำรุง และอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อง่ายต่อการใช้งานและปรับเปลี่ยนได้ตามแต่ละปัญหาผิว เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่อง รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่า

* Venus Viva™ MD ได้รับการรับรองจาก US.FDA , ใบอนุญาตจาก Health Canada และ CE Mark  สำหรับการรักษาทางผิวหนังที่ก่อให้เกิดกระบวนการ Ablation และการผลัดเซลล์ผิวด้วยการใช้แอพพลิเคเตอร์ Viva™ และ Viva™ MD และการใช้แอพพลิเคเตอร์ DiamondPolar™ เพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ในรูปแบบของ Non-Invasive Treatment สำหรับผู้หญิงในประเภทผิว Fitzpatrick I-IV ด้วยแอพพลิเคชั่น


ทั้งหมดนี้เป็น 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD เทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าแนวใหม่ ที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ตอบโจทย์กับปัญหาผิวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ ที่เรานำมาฝากกันนะคะ

Reference : https://bit.ly/3uovHG9

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
ทำการตลาดคลินิกกำจัดขน

ทำการตลาดทรีทเมนท์กำจัดขนถาวรในคลินิกเสริมความงามอย่างไร? ให้เหนือกว่าแบบ Home user

ทำการตลาดคลินิกกำจัดขน

ทำการตลาดทรีทเมนท์กำจัดขนถาวรในคลินิกเสริมความงามอย่างไร? ให้เหนือกว่าการกำจัดขนเองที่บ้าน

การกำจัดขนยังคงเป็นอีกหนึ่งความต้องการในตลาดความงามทั่วโลกของทุกเพศ ที่ต้องการมีผิวใสไร้เส้นขน โดยมูลค่าของตลาดเลเซอร์กำจัดขนทั่วโลก มีมูลค่า 587 ล้าน และคาดว่าจะเติบโตในอัตรา ร้อยละ 15% นับจากนี้ ไปจนถึงปี 2569 โดยที่ผ่านมาตลาดความงาม ได้พยายามสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคโดยไม่ต้องไปเข้ารับบริการจากคลินิกเสริมความงาม ก็สามารถมีผิวสวย เนียน ใส ได้ ทั้งในรูปแบบของครีมกำจัดขน เครื่องกำจัดขนแบบ Home User โดยใช้ลำแสงที่มีเข้มข้นสูง อย่าง IPL (ย่อมาจาก Intense Pulsed Light) ที่ราคาต่ำแต่ความแม่นยำและผลลัพธ์นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องเลเซอร์ ที่ได้รับการรองรับจากงานวิจัยทางการแพทย์ แล้วถึงประสิทธิภาพ ที่ช่วยกำจัดเส้นขนอย่างถาวร โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

ซึ่งนับเป็นเรื่องยากที่คลินิกความงามในตลาดของประเทศไทย จะต่อสู้กับตลาดของการกำจัดเส้นขน ในยุค 2021 นี้


สิ่งสำคัญที่จะสามารถชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับคืนมาจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คือการทำให้คนไข้ เข้าใจถึงหลักการของการทำงานของลำแสงเลเซอร์ ที่มีนาโนเมตรเหมาะสมกับการกำจัดขน ที่สามารถลงลึกได้ถึงรากขนอย่างแท้จริง ร่วมกับความเข้าใจ ในเรื่องของ วงจรชีวิตของเส้นขน (Hair growth cycle)

เรื่องน่ายินดี คือ คนไข้ส่วนใหญ่ที่ต้องการกำจัดเส้นขนแบบถาวร เลือกที่จะไว้วางใจเครื่องมือแพทย์ หรือเครื่องเลเซอร์กำจัดขน รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเพียง 15% เท่านั้น ที่เสียเงินทดลองเครื่องกำจัดขนแบบ Home user  อีกหนึ่งสิ่ง คือการให้คนไข้นั้นเข้าใจถึง ความคุ้มค่าของการทำทรีทเมนท์กำจัดขนแบบถาวรเมื่อเทียบกับเครื่องมือที่ไม่ใช่เกรดเครื่องมือแพทย์

ทำไมทรีทเมนท์การกำจัดขนถาวรที่ใช้เครื่องมือแพทย์โดยแพทย์ผู้เชียวชาญถึงดีกว่า?

เมื่อพิจจารณาถึงผลลัพธ์ด้านการรักษาแล้ว จะพบว่ามีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเครื่องกำจัดขนแบบ Home user ทั้งในด้านของความปลอดภัยกว่า ความสามารถปรับค่าพลังงานได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับทุกสีผิว และผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า อย่างเช่น MeDioStar Monolith ไดโอดเลเซอร์กำจัดขนถาวร จากประเทศเยอรมันนี เนื่องจากใช้เลเซอร์ถึง 2 ช่วงคลื่น ในกลุ่มของเลเซอร์ Diode (810 และ 940 nm) ที่สามารถกำจัดเส้นขน และเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรากขนได้ในหนึ่งเดียว


อย่างไรก็ตามอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสื่อสารกับคนไข้ให้เข้าใจ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสื่อสารผ่านเครื่องมือทางการตลาดในคลินิกของคุณ ในบทสรุปนี้คุณอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างค่อยเป็นค่อยไปกับคนไข้ในอนาคตของคุณ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง ได้มาตรฐานสากล และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต

จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต?

จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต

จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต?

เริ่มต้นปี ด้วยเทรนด์ด้านความงามใหม่ๆ ที่อาจช่วยตอบข้อสงสัยของแพทย์ที่กำลังพิจารณาเพิ่มไลน์ทรีทเมนท์การรักษาในคลินิกของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น การปลูกผม ซึ่งแพทย์หลายท่านอาจมีความกังวลในการเริ่มลงทุนว่าจะให้ผลที่คุ้มค่าหรือไม่? วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ

 

ซึ่งจากผลการสำรวจของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) ในช่วงระหว่างปี 2016-2019 จำนวนของผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจนถึงจุดที่ต้องการการรักษาทางการแพทย์เพิ่มขึ้นกว่า 13%  และนอกจากนี้จากผลการสำรวจยังเผยว่า ในปี 2019 มีการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูปัญหาเส้นผมโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกสูงถึง 735,312 ครั้ง ซึ่งมีสถิติสูงขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปี 2016 

 

จากปี 2019 ที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่มีปัญหาเส้นผมจำนวน 1,401,589 ราย ที่เลือกวิธีการฟื้นฟูเส้นผมด้วยเทคนิค Follicular Unit Extraction (FUE) โดยมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปี 2016 อยู่ที่ประมาณ 13% และเมื่อเทียบสถิติจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการปลูกผมตั้งแต่ปี 2008- 2019 ระบุว่ามีการเติบโตที่สูงขึ้นถึง 157%  ซึ่งสถิติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของเทรนด์การฟื้นฟูเส้นผมจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวลงในระยะเวลาอันใกล้นี้

 

โดยจากผู้เข้ารับการรักษาจากทั่วโลก โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็นแต่ละทวีป มีสถิติดังนี้

  • ทวีปเอเชีย : 196,630 คน
  • ตะวันออกกลาง : 188,360 คน
  • สหรัฐอเมริกาและแคนาดา : 182,025 คน
  • ยุโรป : 106,949 คน
Skin Resurfacing

ความแตกต่างของ Skin Resurfacing ด้วยเทคโนโลยี Fractional RF vs RF Microneedling

Skin Resurfacing

ไขข้อสงสัย? การทำ Skin Resurfacing ด้วยเทคโนโลยี Fractional RF และ RF Microneedling เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

อีกหนึ่งกระแสความงามที่มาแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับคนหนุ่มสาวจากทั่วโลก คือการหานวัตกรรมหรือทรีทเมนต์ที่ตอบโจทย์การฟื้นฟูผิว โดยจากการสำรวจของ American Society for Dermatologic Surgery (ASDS) เผยว่า ผู้คนกว่า 70% ทั่วโลก มีความกังวลใจในเรื่องของการมีสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือผิวที่ไม่เรียบเนียนกระจ่างใส และพยายามมองหาวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวเหล่านั้น ซึ่งนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ คือ นวัตกรรมเพื่อการผลัดผิว หรือ การทำ Skin Resurfacing นั่นเอง

 

โดยนวัตกรรมนี้จะเน้นให้ผลในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น รูขุมขนที่กว้าง ริ้วรอยต่างๆ ปัญหารอยแตกลาย หลุมสิวหรือแผลเป็นต่างๆ เพื่อให้ผิวที่ไม่เรียบเนียนกลับมามีผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนทำให้ตลาดความงามด้านการทำ Skin Resurfacing นี้ยังคงเติบโตเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งหากพูดถึงการทำ Skin Resurfacing ในปัจจุบัน ก็มีทางเลือกมากมายที่ต่างพัฒนามาเพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ร่วมกับระยะพักฟื้นที่สั้นลง ซึ่งเทรนด์ที่สามรถดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างล้นหลามในช่วงเวลานี้ มีด้วยกันหลักๆ 2 นวัตกรรม คือ Fractional RF Resurfacing และ RF Microneedling ที่มองเผินๆ หลายคนอาจเข้าใจว่าทั้งสองนวัตกรรมนี้คือสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นอย่างไร เรามาหาคำตอบกันในบทความนี้นะคะ

Skin Resurfacing

ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกันก่อนว่า Skin Resurfacing คืออะไร?

Skin Resurfacing หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “การผลัดผิว” เป็นคำศัพท์ทั่วไปทางด้านการรักษาที่สื่อถึงการทำให้ผิวเกิดความเสียหายด้วยวิธีการต่างๆ ที่เราสามารถควบคุมได้ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวนั้น จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการบำบัดตามธรรมชาติเพื่อซ่อมแซมส่วนเหล่านั้น และฟื้นฟูปัญหาผิวที่มีอยู่ให้เหลือน้อยที่สุด

 

การทำ Skin Resurfacing มักจะก่อให้เกิดปฏิกิริยา 2 ประเภทที่ผิวหนังของเรา คือ Ablation และ Coagulation ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เราใช้ โดยอาจเกิดทั้งสองปฏิกิริยา หรือเกิดเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง การเกิด Ablation เป็นการส่งพลังงานความร้อนที่มากกว่า 100 องศาเซลเซียสลงสู่ชั้นผิวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผิวชั้นบน (superficial layer) เกิดการระเหิดไปในทันที โดยกระบวนการซ่อมแซมจะใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ในการรักษา รวมถึงความเสียหายของเนื้อเยื่อผิว ซึ่งหากเราเลือกการรักษาที่ทำให้ผิวเกิดการ Ablation มาก ระยะเวลาพักฟื้นจะใช้เวลามากตามไปด้วย ทั้งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดรอยดำหลังการอักเสบ hypopigmentation (PIH) ตามมาได้ ยกตัวอย่างเช่น การทำ CO2 lasers และ Plasma lasers

 

อีกหนึ่งปฏิกิริยาที่สามารถเกิดขึ้นจากการทำ Skin Resurfacing คือ Coagulation เป็นการสะสมพลังงานความร้อนสู่ผิวชั้นลึกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน (neocollagenesis) เพิ่มขึ้น ซึ่งมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้ผิวเกิด Coauglation ได้โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน เช่น Fractional Non-Ablative Lasers, RF รวมถึง HIFU   

RF Microneedling VS Fractional RF

RF Microneedling VS Fractional RF

เทคโนโลยี RF Microneedling พัฒนามาจากการทำ Microneedling แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็ก (อาศัยแรงเชิงกล) เจาะเข้าสู่ผิวหนังเพื่อให้เกิดบาดแผลใต้ชั้นผิวในระดับความลึกต่างๆ แผลที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ โดยที่ผิวไม่ได้เกิดกระบวนการ Ablation หรือ Coagulation เลย ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับการรักษา เนื่องจากบาดแผลมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ รวมทั้งมีระยะการพักฟื้นที่ยาวนานและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย 

 

ต่อมามีการพัฒนาและเพิ่มพลังงาน RF ร่วมกับการใช้ Microneedles เป็นนวัตกรรมที่เรียกว่า RF Microneedling ในการส่งพลังงานความร้อนให้แก่ชั้นผิวที่ผ่านปลายเข็มนั้นๆ เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดกระบวนการ coagulation โดยที่ผิวชั้นบนจะไม่ได้ผลในการผลัดผิวเลยแม้แต่น้อย

 

สำหรับเทคโนโลยี Fractional RF เป็นเทคโนโลยีที่อาศัยการทำงานผ่านพินขนาดเล็กที่สัมผัสบริเวณผิวหนังชั้นบน และส่งคลื่นความถี่วิทยุเพื่อให้เกิดการสะสมพลังงานความร้อนใต้ผิวที่ลึกลงไป เพื่อให้เกิดปฏิกิริยา Ablation ที่ผิวชั้นบนเกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเกิด Coagulation ที่ผิวชั้นลึกซึ่งกระตุ้นให้ไฟโบรบลาสต์เกิดการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน  ซึ่งการทำงานร่วมกันของปฏิกิริยาทั้งสองนี้ ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มกระบวนการ เผยผิวใหม่ สุขภาพดี  และผลลัพธ์ที่ยาวนานเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นๆ 

 

และในปัจจุบันได้มีการพัฒนานวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น ดังเช่น Venus Viva™ MD ซึ่งก่อให้เกิดบาดแผลที่มีขนาดเล็กมาก รวมทั้งสามารถควบคุมพลังงานเพื่อให้เกิดปฏิกิริยา Ablation ร่วมกับ Coagulation ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านปลายพินขนาดเล็ก (160 x 38 um2) โดยผสานเทคโนโลยี SmartScan™ ที่มีอัลกอริธึมอันแตกต่างในการควบคุมการปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอในรูปแบบสุ่ม ทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นแผลสลับกับผิวที่ดี เพื่อช่วยให้ผิวเกิดการฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการลดรอยแผลเป็นจากสิวหรือรอยแผลเป็นอื่นๆ การฟื้นฟูริ้วรอยทั้งร่องลึกและตื้น การปรับสภาพผิวและแก้ไขปัญหาเม็ดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีการพักฟื้นที่สั้นลง แผลหายเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) และปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิวและทุกโทนสีผิว

 

จากบทความนี้เราจะเห็นได้ว่านวัตกรรมทั้ง 2 นี้ แม้จะเป็นการทำ Skin Resurfacing เหมือนกัน แต่กลับมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในเรื่องของหลักการทำงาน ผลลัพธ์ และระยะเวลาพักฟื้น รวมถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก RF Microneedling จะเป็นการรักษาที่ให้ผลเฉพาะในผิวชั้นลึกเท่านั้น ซึ่งต่างจาก Fractional RF ที่สามารถฟื้นฟูผิวได้ทั้งชั้นบนและผิวชั้นลึก นอกจากนี้การทำ Skin Resurfacing ยังมีนวัตกรรมอีกมากมายที่แตกต่างออกไป ทั้งการใช้ Laser ชนิดต่างๆ รวมทั้งการใช้สารเคมีเพื่อผลัดเซลล์ผิว โดยนับเป็นทรีทเมนต์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในปี 2017 เลยทีเดียวค

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »