Open on Mon – Fri 09:00-18:00

facebook technicalbiomed
Venus Viva MD นวัตกรรมรักษาหลุมสิว

Venus Viva MD นวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อการรักษาหลุมสิว

Venus Viva MD นวัตกรรมรักษาหลุมสิว

Venus Viva MD
นวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิว

หลุมสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้กว่า 95% ของผู้มีปัญหาสิว ซึ่งพบได้ทั้งชายและหญิงทั่วโลกตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่เกิดจากความเสียหายของเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวจากการอักเสบรุนแรงของสิวประเภทต่างๆ โดยเมื่ออาการของสิวทุเลาลง ร่างกายจะมีกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติด้วยการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูให้ผิวกลับสู่สภาวะปกติ แต่เมื่อกระบวนการซ่อมแซมผิวมีความผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหารอยแผลเป็นจากสิวขึ้น ซึ่ง หลุมสิวเป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนที่น้อยจนเกินไป ทำให้ผิวเกิดเป็นหลุมตื้นหรือลึกบนใบหน้า แตกต่างกันออกไป หากในบางคนที่มีปัญหารุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ทำให้เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้

ปัญหาหลุมสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่คนส่วนใหญ่ เลือกพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษามากที่สุด โดยทางเลือกการรักษามีหลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Chemical Peeling , การรับประทานยา, การรักษาด้วย Skin Needing หรือการทำ Subcision ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มลงไปที่ผิวหนังเพื่อตัดพังผืดใต้หลุมสิวออก จนถึงการผ่าตัดเย็บหลุมสิว และวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น IPL , Laser  และนวัตกรรม RF อย่างเช่น Venus Viva MD ที่เป็นหนึ่งใน Gold Standard  ด้านการฟื้นฟูผิว และยังเป็น Ablative Fractional  RF เครื่องแรกที่ให้ผลการรักษาเท่าเทียมกับการใช้แสงเลเซอร์

Venus Viva MD มิติใหม่เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิวและผิวอย่างตรงจุด

Venus Viva MD อีกหนึ่งนวัตกรรมของวงการแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษาหลุมสิวและฟื้นฟูผิวหน้า ด้วย FirmFX™ แอพพลิเคเตอร์ ที่มีผสมผสานการทำงานร่วมกันของ 2 เทคโนโลยี ระหว่าง Ablative NanoFractional Radiofrequency โดยปล่อยคลื่นวิทยุแบบหลายขั้ว (Multi-Polar RF) เพื่อส่งผ่านพลังงานความร้อนกว่า 100ºC ลงสู่เนื้อเยื่อผิวอย่างละเอียดแม่นยำและลึกได้สูงสุดถึง 500 ไมครอน ผ่านทางปลาย pin ขนาดเล็ก จำนวน 160 pin  ทำให้ผิวเกิดแผลขนาดเล็กละเอียดสลับกับเนื้อเยื่อผิวที่ดี ส่งผลให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมผิว พร้อมกับการแผ่พลังงานความร้อนลงสู่เนื้อเยื่อผิวชั้นลึก ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนให้ผสานกันอย่างเป็นระเบียบและแข็งแรงขึ้น นำไปสู่กระบวนการฟื้นฟูหลุมสิวชนิดต่างๆ ทั้งตื้นและลึก รวมถึงแก้ปัญหาผิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

พร้อมกับความพิเศษอีกระดับ ด้วยเทคโนโลยี SmartScan ™

อีกหนึ่งความพิเศษของ Venus Viva MD คือ การมีเทคโนโลยี SmartScan™ ที่ควบคุมการปล่อยพลังงานได้หลากหลายรูปแบบ (Random) โดยที่ไม่มีเครื่องใดทำได้มาก่อน พร้อมอัลกอริทึมในการปล่อยพลังงานเฉพาะตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรอยโรค ทั้งสามารถควบคุมการลงลึกและระดับของพลังงาน เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความสบายผิวให้แก่ผู้รับการรักษาได้อย่างตรงจุด

 

นอกจากนี้ด้วยความที่ขนาดของแผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยเครื่อง Venus Viva MD มีขนาดที่เล็กมาก จึงทำให้บาดแผลหายได้อย่างรวดเร็ว และยังลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น การเกิด PIH ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ดั่งผลงานวิจัยทางคลินิกของ Hongcharu W, MD และ Gold M, MD ที่ระบุว่า ผลจากการรักษาด้วย Venus Viva MD มีโอกาสเสี่ยงในการเกิด PIH ได้ 18.1% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วย CO2 Lasers และ Er:Glass Lasers ที่มีโอกาสเกิด PIH ได้ถึง 81.8% และ 36.4% ตามลำดับ

 

ดังนั้น Venus Viva MD จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการฟื้นฟูหลุมสิว รวมทั้งปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม สามารถใช้ได้ในทุกสภาพผิว ทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมทั้งได้รับการรับรองความปลอดภัยด้วยมาตรฐาน US.FDA และ THAI FDA

Reference :

 

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
Venus Viva MD

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD

การทำ Skin resurfacing เป็นหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคลินิกความงามทั้งในและต่างประเทศ ในด้านการรักษาปัญหาต่างๆ ทั้งริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยร่องตื้น รอยแผลเป็นจากสิว รอยแตกลาย รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอและปัญหาผิวอื่นๆ


แม้ว่าอาจจะมีเทคโนโลยรอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย แต่เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้เชี่ยวชาญในทุกวันนี้ คือ NanoFractional™ Radio Frequency ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในรูปแบบ Fractional Ablative ที่ได้รับการพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ร่วมกับความปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิว


Venus Viva™ MD เป็นเทคโนโลยีเพื่อการดูแลผิว โดยอาศัยการทำงานร่วมกันของ เทคโนโลยี NanoFractional™ Radio Frequency (RF) และเทคโนโลยี SmartScan™ ในการส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิว ทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นบาดแผลสลับกับเนื้อเยื่อปกติ (fractional resurfacing system) เพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูผิวบริเวณนั้นๆ โดยสามารถปรับเปลี่ยนพลังงานในการรักษาได้หลากหลาย ตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีระยะการพักฟื้นที่สั้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Venus Viva™ MD จึงเป็นอีกเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่กำลังมองหาอุปกรณ์เพื่อการฟื้นฟูผิวที่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและตอบโจทย์ต่อคนไข้ค่ะ


โดยในบทความนี้เราได้รวบรวม 10 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD มาฝากกันค่ะ  

1. It’s Highly Customizable

Venus Viva™ MD สามารถปรับรูปแบบการรักษาได้ทั้งด้านพลังงาน และ Pulse Duration เพื่อควบคุมการส่งพลังงาน NanoFractional Radio Frequency ให้เหมาะสมกับแต่ละปัญหาผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดร่วมกับความสบายผิวของคนไข้ที่เข้ารับการรักษา

Venus Viva MD

2. The Technology is Revolutionary

Venus Viva™ MD ได้มีการพัฒนา NanoFractional RF™ applicator ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยหัวทิป 2 รูปแบบ ที่มีความเข้มและความหนาแน่นของพลังงานที่แตกต่างกัน เพื่อเสริมการรักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในแอพพลิเคเตอร์ของ Venus Viva™ MD ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี SmartScan™ ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ เพื่อช่วยให้พลังงานสามารถลงสู่ชั้นผิวได้ดีและหลากหลายมากขึ้น

Venus Viva MD

3. Safe for All Skin Types*

การรักษาด้วย Venus Viva™ MD มีความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) ซึ่งเป็นข้อกังวลใจในการทำ Skin resurfacing สำหรับผู้ที่มี Fitzpatrick Skin types IV-VI

4. Perform Treatments with Low Downtime

ด้วยความพิเศษในการทำงานร่วมกันของ NanoFractional RF™ และเทคโนโลยี SmartScan™ ในการส่งพลังงานผ่านพินขนาดเล็ก ซึ่งพินเหล่านี้จะทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นบาดแผลขนาดเล็ก (micro-dermal wounds) สลับกับเนื้อเยื่อผิวที่ดี เพื่อช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูผิวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

5. It Has a Unique Applicator

Venus Viva™ MD applicator ผ่านการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสะดวกต่อทั้งผู้ให้บริการและผู้รับการรักษา และด้วยหัวทิปที่สามารถเลือกใช้ได้ 2 รูปแบบ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้หลากหลายและตรงจุดมากยิ่งขึ้น

6. Patented Tip Technology

Venus Viva™ MD applicator เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ โดยสามารถส่งพลังงานได้สูงสุด 700 พัลส์ พลังงานลงได้ลึกถึง 800 µm นอกจากนี้ยังครอบคลุมพื้นที่การรักษาได้มากขึ้นเพื่อร่นระยะเวลาในการรักษาให้สั้นลง

Venus Viva MD

7. Choice of Two Tips

Venus Viva™ MD มาพร้อมกับหัวทิป 2 รูปแบบ ทั้งชนิด 160 พิน ที่สามารถส่งได้ 62 mJ/pin เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวต่างๆ รวมถึงลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนที่กว้าง รวมถึงรอยแตกลาย และหัวทิปชนิด 80 พินที่ส่งพลังงานได้ถึง 124 mJ/pin โดยความสามารถในการส่งพลังงานลงสู่ผิวได้ลึกยิ่งขึ้น จึงตอบโจทย์สำหรับการรักษาปัญหาผิวที่ค่อนข้างรุนแรง ทั้งปัญหาริ้วรอยลึกและหลุมสิวประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Venus Viva MD

8. Enhanced with SmartScan™ Technology

SmartScan™ เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของ Venus Viva เพื่อส่งและกระจายพลังงานลงสู่เนื้อเยื่อผิวได้อย่างเหมาะสมและทั่วถึงในรูปแบบสุ่ม (random) ผ่านอัลกอริทึมเฉพาะตัว เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่และความสบายผิวของคนไข้มากยิ่งขึ้น

Venus Viva MD

9. Equipped with DiamondPolar™ Applicator

DiamondPolar™ applicator เป็นการรวมกันของคลื่นความถี่วิทยุหลายขั้ว (RF) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (PEMF) หรือที่เรารู้จักกันดีในรูปแบบของเทคโนโลยี (MP)2 ของ Venus Concept ด้วยการจัดวางตัวอิเล็กโทรดอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถทำการรักษาได้หลากหลาย ทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา คอ รวมถึงบริเวณต่างๆ ที่เข้าถึงยาก

Venus Viva MD

10. It’s Supported by Venus Concept’s Unique Business Model

ด้วยการสนับสนุนจาก Venus Concept ทั้งด้านการตลาด การฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการให้คำปรึกษาในการซ่อมบำรุง และอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อง่ายต่อการใช้งานและปรับเปลี่ยนได้ตามแต่ละปัญหาผิว เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่อง รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่า

* Venus Viva™ MD ได้รับการรับรองจาก US.FDA , ใบอนุญาตจาก Health Canada และ CE Mark  สำหรับการรักษาทางผิวหนังที่ก่อให้เกิดกระบวนการ Ablation และการผลัดเซลล์ผิวด้วยการใช้แอพพลิเคเตอร์ Viva™ และ Viva™ MD และการใช้แอพพลิเคเตอร์ DiamondPolar™ เพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ในรูปแบบของ Non-Invasive Treatment สำหรับผู้หญิงในประเภทผิว Fitzpatrick I-IV ด้วยแอพพลิเคชั่น


ทั้งหมดนี้เป็น 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD เทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าแนวใหม่ ที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ตอบโจทย์กับปัญหาผิวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ ที่เรานำมาฝากกันนะคะ

Reference : https://bit.ly/3uovHG9

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »
Venus Concept Inc. Announces FDA 510(k) Clearance for Venus Viva MD

Venus Concept Inc. Announces FDA 510(k) Clearance for Venus Viva MD

Venus Concept Inc. Announces FDA 510(k) Clearance for Venus Viva MD

Venus Concept Inc. Announces FDA 510(k) Clearance for Venus Viva MD

   Venus Viva MD นวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูผิวในรูปแบบใหม่จาก Venus Concept Inc. ผู้นำด้านเทคโนโลยีความงามทางการแพทย์ระดับโลก เป็นอีกหนึ่งในนวัตกรรมที่ช่วยขยายความสามารถในการดูแลและรักษาปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม และตอบโจทย์แก่วงการแพทย์ผิวหนังด้านความงามมากยิ่งขึ้น

 

   Venus Viva MD เป็นอุปกรณ์ขนาดกระทัดรัด ที่มาพร้อมด้วย 2 แอปพลิเคเตอร์ สามารถทำงานและรักษาปัญหาผิวได้หลากหลาย โดยมี Viva MD applicator ซึ่งเป็น fractional handpiece ตัวใหม่ ที่ปลายหัวทิปประกอบไปด้วยพินขนาดเล็ก จำนวน 80 พิน พร้อมเพิ่ม output energy เป็นสองเท่า (124 mJ/pin) เมื่อเทียบกับแอปพลิเคเตอร์เดิม ซึ่ง Viva MD applicator 80 พิน เหมาะสำหรับการรักษาผิวที่ต้องการให้มีการเกิด Ablation และการผลัดเซลล์ผิวใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา ร่วมกับความปลอดภัยสูงสุด

 

   Venus Viva MD เป็นหนึ่งในนวัตกรรมประเภท non-invasive treatment เพื่อการรักษาปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า ทั้งในระดับปานกลางถึงรุนแรงได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งการรักษา ปัญหาหลุมสิว (acne scars) สีผิวไม่สม่ำเสมอ (dyschromia) รอยแตกลาย (striae) และปัญหารูขุมขนกว้าง (enlarged pores) โดยเหมาะสำหรับสีผิว Fitzpatrick I-IV นอกเหนือกว่านั้น ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) เพื่อช่วยในการรวบรวมข้อมูลต่างๆ สำหรับช่วยพัฒนารูปแบบของธุรกิจและเพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาให้ดียิ่งขึ้น โดย Venus Viva MD. เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับ FDA 510(k) ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2020 ที่ผ่านมา

Reference :
https://www.venusconcept.com/en-gl/news/venus-concept-inc-announces-fda-510k-clearance-for-venus-viva-md/?utm_source=socialmedia&utm_medium=referral&utm_campaign=SocialContent&fbclid=IwAR2nvoWl3VszmEn2bu3cguMd7WE7OCLEc_4dcXjaayOG6QEINnftFmufRoU

Share this post

Skin Resurfacing

ความแตกต่างของ Skin Resurfacing ด้วยเทคโนโลยี Fractional RF vs RF Microneedling

Skin Resurfacing

ไขข้อสงสัย? การทำ Skin Resurfacing ด้วยเทคโนโลยี Fractional RF และ RF Microneedling เหมือนหรือต่างกันอย่างไร?

อีกหนึ่งกระแสความงามที่มาแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับคนหนุ่มสาวจากทั่วโลก คือการหานวัตกรรมหรือทรีทเมนต์ที่ตอบโจทย์การฟื้นฟูผิว โดยจากการสำรวจของ American Society for Dermatologic Surgery (ASDS) เผยว่า ผู้คนกว่า 70% ทั่วโลก มีความกังวลใจในเรื่องของการมีสีผิวไม่สม่ำเสมอหรือผิวที่ไม่เรียบเนียนกระจ่างใส และพยายามมองหาวิธีการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาผิวเหล่านั้น ซึ่งนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้ คือ นวัตกรรมเพื่อการผลัดผิว หรือ การทำ Skin Resurfacing นั่นเอง

 

โดยนวัตกรรมนี้จะเน้นให้ผลในการแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็น รูขุมขนที่กว้าง ริ้วรอยต่างๆ ปัญหารอยแตกลาย หลุมสิวหรือแผลเป็นต่างๆ เพื่อให้ผิวที่ไม่เรียบเนียนกลับมามีผลลัพธ์ที่ดีได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนทำให้ตลาดความงามด้านการทำ Skin Resurfacing นี้ยังคงเติบโตเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งหากพูดถึงการทำ Skin Resurfacing ในปัจจุบัน ก็มีทางเลือกมากมายที่ต่างพัฒนามาเพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ร่วมกับระยะพักฟื้นที่สั้นลง ซึ่งเทรนด์ที่สามรถดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างล้นหลามในช่วงเวลานี้ มีด้วยกันหลักๆ 2 นวัตกรรม คือ Fractional RF Resurfacing และ RF Microneedling ที่มองเผินๆ หลายคนอาจเข้าใจว่าทั้งสองนวัตกรรมนี้คือสิ่งเดียวกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วจะเป็นอย่างไร เรามาหาคำตอบกันในบทความนี้นะคะ

Skin Resurfacing

ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกันก่อนว่า Skin Resurfacing คืออะไร?

Skin Resurfacing หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “การผลัดผิว” เป็นคำศัพท์ทั่วไปทางด้านการรักษาที่สื่อถึงการทำให้ผิวเกิดความเสียหายด้วยวิธีการต่างๆ ที่เราสามารถควบคุมได้ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นกับผิวนั้น จะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการบำบัดตามธรรมชาติเพื่อซ่อมแซมส่วนเหล่านั้น และฟื้นฟูปัญหาผิวที่มีอยู่ให้เหลือน้อยที่สุด

 

การทำ Skin Resurfacing มักจะก่อให้เกิดปฏิกิริยา 2 ประเภทที่ผิวหนังของเรา คือ Ablation และ Coagulation ซึ่งขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีที่เราใช้ โดยอาจเกิดทั้งสองปฏิกิริยา หรือเกิดเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง การเกิด Ablation เป็นการส่งพลังงานความร้อนที่มากกว่า 100 องศาเซลเซียสลงสู่ชั้นผิวอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผิวชั้นบน (superficial layer) เกิดการระเหิดไปในทันที โดยกระบวนการซ่อมแซมจะใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับเทคนิคที่ใช้ในการรักษา รวมถึงความเสียหายของเนื้อเยื่อผิว ซึ่งหากเราเลือกการรักษาที่ทำให้ผิวเกิดการ Ablation มาก ระยะเวลาพักฟื้นจะใช้เวลามากตามไปด้วย ทั้งอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หรือเกิดรอยดำหลังการอักเสบ hypopigmentation (PIH) ตามมาได้ ยกตัวอย่างเช่น การทำ CO2 lasers และ Plasma lasers

 

อีกหนึ่งปฏิกิริยาที่สามารถเกิดขึ้นจากการทำ Skin Resurfacing คือ Coagulation เป็นการสะสมพลังงานความร้อนสู่ผิวชั้นลึกเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสติน (neocollagenesis) เพิ่มขึ้น ซึ่งมีเทคโนโลยีมากมายที่ช่วยให้ผิวเกิด Coauglation ได้โดยไม่ทำลายผิวชั้นบน เช่น Fractional Non-Ablative Lasers, RF รวมถึง HIFU   

RF Microneedling VS Fractional RF

RF Microneedling VS Fractional RF

เทคโนโลยี RF Microneedling พัฒนามาจากการทำ Microneedling แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็ก (อาศัยแรงเชิงกล) เจาะเข้าสู่ผิวหนังเพื่อให้เกิดบาดแผลใต้ชั้นผิวในระดับความลึกต่างๆ แผลที่เกิดขึ้นจะกระตุ้นให้ร่างกายเกิดกระบวนการฟื้นฟูผิวตามธรรมชาติ โดยที่ผิวไม่ได้เกิดกระบวนการ Ablation หรือ Coagulation เลย ซึ่งเทคโนโลยีนี้อาจสร้างความเจ็บปวดให้แก่ผู้เข้ารับการรักษา เนื่องจากบาดแผลมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ รวมทั้งมีระยะการพักฟื้นที่ยาวนานและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย 

 

ต่อมามีการพัฒนาและเพิ่มพลังงาน RF ร่วมกับการใช้ Microneedles เป็นนวัตกรรมที่เรียกว่า RF Microneedling ในการส่งพลังงานความร้อนให้แก่ชั้นผิวที่ผ่านปลายเข็มนั้นๆ เพื่อกระตุ้นให้ผิวเกิดกระบวนการ coagulation โดยที่ผิวชั้นบนจะไม่ได้ผลในการผลัดผิวเลยแม้แต่น้อย

 

สำหรับเทคโนโลยี Fractional RF เป็นเทคโนโลยีที่อาศัยการทำงานผ่านพินขนาดเล็กที่สัมผัสบริเวณผิวหนังชั้นบน และส่งคลื่นความถี่วิทยุเพื่อให้เกิดการสะสมพลังงานความร้อนใต้ผิวที่ลึกลงไป เพื่อให้เกิดปฏิกิริยา Ablation ที่ผิวชั้นบนเกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเกิด Coagulation ที่ผิวชั้นลึกซึ่งกระตุ้นให้ไฟโบรบลาสต์เกิดการสร้างคอลลาเจนและเส้นใยอีลาสตินเพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กัน  ซึ่งการทำงานร่วมกันของปฏิกิริยาทั้งสองนี้ ทำให้ผิวได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มกระบวนการ เผยผิวใหม่ สุขภาพดี  และผลลัพธ์ที่ยาวนานเมื่อเทียบกับวิธีการอื่นๆ 

 

และในปัจจุบันได้มีการพัฒนานวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อผลการรักษาที่ดียิ่งขึ้น ดังเช่น Venus Viva™ MD ซึ่งก่อให้เกิดบาดแผลที่มีขนาดเล็กมาก รวมทั้งสามารถควบคุมพลังงานเพื่อให้เกิดปฏิกิริยา Ablation ร่วมกับ Coagulation ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านปลายพินขนาดเล็ก (160 x 38 um2) โดยผสานเทคโนโลยี SmartScan™ ที่มีอัลกอริธึมอันแตกต่างในการควบคุมการปล่อยพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอในรูปแบบสุ่ม ทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นแผลสลับกับผิวที่ดี เพื่อช่วยให้ผิวเกิดการฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการลดรอยแผลเป็นจากสิวหรือรอยแผลเป็นอื่นๆ การฟื้นฟูริ้วรอยทั้งร่องลึกและตื้น การปรับสภาพผิวและแก้ไขปัญหาเม็ดสีผิวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีการพักฟื้นที่สั้นลง แผลหายเร็วขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) และปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิวและทุกโทนสีผิว

 

จากบทความนี้เราจะเห็นได้ว่านวัตกรรมทั้ง 2 นี้ แม้จะเป็นการทำ Skin Resurfacing เหมือนกัน แต่กลับมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งในเรื่องของหลักการทำงาน ผลลัพธ์ และระยะเวลาพักฟื้น รวมถึงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจาก RF Microneedling จะเป็นการรักษาที่ให้ผลเฉพาะในผิวชั้นลึกเท่านั้น ซึ่งต่างจาก Fractional RF ที่สามารถฟื้นฟูผิวได้ทั้งชั้นบนและผิวชั้นลึก นอกจากนี้การทำ Skin Resurfacing ยังมีนวัตกรรมอีกมากมายที่แตกต่างออกไป ทั้งการใช้ Laser ชนิดต่างๆ รวมทั้งการใช้สารเคมีเพื่อผลัดเซลล์ผิว โดยนับเป็นทรีทเมนต์ที่เติบโตรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับหนึ่งในปี 2017 เลยทีเดียวค

IMCAS Asia 2022
News & Events
Technicalbiomed

IMCAS Asia 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงาน“IMCAS Asia 2022”วันที่ 29-30 กันยายน,

Read More »
ADAC IAS 2022
News & Events
Technicalbiomed

ADAC IAS 2022

ขอเชิญเข้าร่วมงานประชุมเชิงปฏิบัติการ“ADAC IAS 2022”วัน

Read More »