Open on Mon – Fri 09:00-18:00

กำจัดขน

ขนเจ้าปัญหา กับวิธีกำจัดออกรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

กำจัดขน

ขนเจ้าปัญหา กับวิธีกำจัดออกรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

การมีผิวสวย ไม่ใช่แค่การมีผิวขาวกระจ่างใส แต่รวมถึงการมีผิวที่เรียบเนียน ปราศจากริ้วรอย หรือเม็ดสีกระดำกระด่าง และอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่และเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาในกลุ่มสาวๆ ยุคปัจจุบันนี้ ก็คือเรื่องขนนั่นเอง โดยเจ้าขนนี้ เป็นอวัยวะที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แต่หากมีมากจนเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ทั้งในเรื่องของความสะอาด กลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าของหนุ่มๆ และสาวๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการกำจัดขนกัน เพื่อให้เราเข้าใจและเลือกวิธีการกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

การกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งผู้หญิงในอยุธยา กว่า 100 ปีที่ผ่านมา มีการใช้แหนบในการถอนขนบริเวณรักแร้ ซึ่งยังมีการใช้วิธีการนี้อยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏหลักฐานอยู่ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร แห่งราชวงศ์บ้านพูหลวง ความว่า

 

ไรน้อยรอยแหนบทึ้ง…..ถอนแถว

เป็นระเบียบตามแนว…..รอบเกล้า

ริมเผ้าเพราพริ้งแวว…..แลเลิศ

ผมมวยรวยปีกเจ้า…..เรียบร้อยไรงาม

 

ต่อมาเมื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนในด้านต่างๆ ของเรามากขึ้น จึงได้เกิดวิธีการต่างๆ เพื่อใช้ในการกำจัดขนมาจนถึงปัจจุบัน โดยเราสามารถแบ่งการกำจัดขนได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  • Depilation : เป็นการกำจัดขนเพียงบริเวณพื้นผิว โดยไม่ทำลายโครงสร้างของขนใต้ผิวหนังเลย เช่น การแว๊กซ์ การโกน รวมถึงการใช้ครีมกำจัดขน ซึ่งเป็นการกำจัดขนได้เพียงระยะสั้นๆ ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ เท่านั้น นอกจากเป็นวิธีการที่เจ็บแล้ว ยังส่งผลข้างเคียง ทั้งทำให้เกิดผิวหนังไก่ รอยแผล รอยดำ ต่างๆ ได้อีกด้วย

 

  • Epilation : เป็นการกำจัดขนที่สามารถทำลายได้ลึกถึงโครงสร้างของเส้นขนภายใต้ชั้นผิวหนัง เช่น การใช้ LASER , IPL หรืออุปกรณ์ Electroepilation ที่ให้ผลการรักษาได้ในระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์ ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการกำจัดขนด้วย LASER  แต่ควรเลือกสรรให้เหมาะสมกับตัวเองเนื่องจากหากเลือกใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ เช่น ผิวเกิดการเบิร์น แสบผิว หรือนอกจากขนจะไม่หลุดล่วงไปแล้วยังอาจทำให้ขนเกิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

การใช้เทคโนโลยี LASER เพื่อการกำจัดขนนั้น สามารถกำจัดขนได้ในระยะ Anagen phase เท่านั้น และขนในแต่ละบริเวณก็มีวงจรชีวิตที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเลเซอร์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อการกำจัดขนโดยตรง มีด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Ruby Laser (694 nm) , Alexandrite Laser (755 nm) , Nd : YAG Laser (1064 nm) และ Diode Laser (800-810 nm, 940 nm, 1064-1350 nm)  โดยทุกชนิดมีหลักการทำงานด้วยการส่งพลังงานเลเซอร์ลงสู่รากขนอย่างช้าๆ (รูปแบบ Long pulse (ms)) ซึ่งเซลล์เม็ดสีเมลานินในเส้นขนจะทำหน้าที่เป็นโครโมฟอร์ที่ดูดซับพลังงานเลเซอร์ไว้ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและถ่ายเทสู่เซลล์ต้นกำเนิดขน ทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างขน รวมถึงเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงเส้นขนไม่สามารถผลิต Stemcell  ต้นกำเนิดของเส้นขนได้ ส่งผลให้วงจรการเกิดใหม่ของเส้นขนมีความช้าลง บางลง จนหมดไปในที่สุดหากทำการเลเซอร์ติดต่อกันซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ Long pulse Nd: YAG และ Diode Laser เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การรักษาได้ดีที่สุด จึงทำให้หลายๆ คนเกิดข้อสงสัยว่าระหว่าง YAG และ Diode Laser แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน และผิวของคนไทยอย่างเรา เหมาะกับ Laser ชนิดใดกันแน่

 

 

Long pulse Nd : YAG Laser

Long pulse Nd : YAG หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ “YAG Laser” เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 nm.

 

ข้อดี

  • มีความจำเพาะเจาะจงต่อเมลานินสูง
  • พลังงานสามารถลงได้ลึกสูงสุด 7
  • แก้ไขปัญหาขนคุดได้
  • สามารถทำในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ได้
  • ปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว Skin Type I-VI

ข้อจำกัด

  • ให้ความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
  • มีข้อจำกัดในการกำจัดขนเส้นที่บางมากๆ
  • ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง อาจทำให้เสี่ยงเบิร์นได้

 

Diode Laser

Diode Laser เป็นเทคโนโลยีน้องใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดขน โดยมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น 800 – 810 nm , 940 nm , 1064 -1350 nm

 

ข้อดี

  • มีความจำเพาะเจาะจงต่อเมลานินสูงมาก
  • สามารถให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แม้ใช้พลังงานต่ำ
  • รักษาได้อย่างรวดเร็ว
  • ปลอดภัยต่อผิว มีความเสี่ยงน้อย
  • มี Cooling สำหรับผิวด้านบน ทำให้รู้สึกสบายขณะทำการรักษา
  • เหมาะสำหรับผู้มีผิว Skin type I-V

ข้อจำกัด 

  • ยังมีผลการวิจัยค่อนข้างน้อย
  • มีข้อจำกัดในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ที่เข้าถึงยาก

 

นวัตกรรมเพื่อการกำจัดขนแต่ละประเภทนั้น ต่างมีข้อดี และข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงไม่อาจตัดสินได้อย่างแน่ชัดว่านวัตกรรมใดจะดีที่สุด เนื่องจากต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นสีผิว สีของเส้นขน บริเวณที่ทำการรักษา ระยะวงจรชีวิตของขน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลรวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ทำการรักษาด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนเข้ารับการรักษาจะช่วยให้เราเลือกนวัตกรรมในการกำจัดขนที่เหมาะสมกับเรา และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

ทำการตลาดคลินิกกำจัดขน

ทำการตลาดทรีทเมนท์กำจัดขนถาวรในคลินิกเสริมความงามอย่างไร? ให้เหนือกว่าแบบ Home user

ทำการตลาดคลินิกกำจัดขน

ทำการตลาดทรีทเมนท์กำจัดขนถาวรในคลินิกเสริมความงามอย่างไร? ให้เหนือกว่าการกำจัดขนเองที่บ้าน

การกำจัดขนยังคงเป็นอีกหนึ่งความต้องการในตลาดความงามทั่วโลกของทุกเพศ ที่ต้องการมีผิวใสไร้เส้นขน โดยมูลค่าของตลาดเลเซอร์กำจัดขนทั่วโลก มีมูลค่า 587 ล้าน และคาดว่าจะเติบโตในอัตรา ร้อยละ 15% นับจากนี้ ไปจนถึงปี 2569 โดยที่ผ่านมาตลาดความงาม ได้พยายามสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคโดยไม่ต้องไปเข้ารับบริการจากคลินิกเสริมความงาม ก็สามารถมีผิวสวย เนียน ใส ได้ ทั้งในรูปแบบของครีมกำจัดขน เครื่องกำจัดขนแบบ Home User โดยใช้ลำแสงที่มีเข้มข้นสูง อย่าง IPL (ย่อมาจาก Intense Pulsed Light) ที่ราคาต่ำแต่ความแม่นยำและผลลัพธ์นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องเลเซอร์ ที่ได้รับการรองรับจากงานวิจัยทางการแพทย์ แล้วถึงประสิทธิภาพ ที่ช่วยกำจัดเส้นขนอย่างถาวร โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

ซึ่งนับเป็นเรื่องยากที่คลินิกความงามในตลาดของประเทศไทย จะต่อสู้กับตลาดของการกำจัดเส้นขน ในยุค 2021 นี้


สิ่งสำคัญที่จะสามารถชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับคืนมาจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คือการทำให้คนไข้ เข้าใจถึงหลักการของการทำงานของลำแสงเลเซอร์ ที่มีนาโนเมตรเหมาะสมกับการกำจัดขน ที่สามารถลงลึกได้ถึงรากขนอย่างแท้จริง ร่วมกับความเข้าใจ ในเรื่องของ วงจรชีวิตของเส้นขน (Hair growth cycle)

เรื่องน่ายินดี คือ คนไข้ส่วนใหญ่ที่ต้องการกำจัดเส้นขนแบบถาวร เลือกที่จะไว้วางใจเครื่องมือแพทย์ หรือเครื่องเลเซอร์กำจัดขน รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเพียง 15% เท่านั้น ที่เสียเงินทดลองเครื่องกำจัดขนแบบ Home user  อีกหนึ่งสิ่ง คือการให้คนไข้นั้นเข้าใจถึง ความคุ้มค่าของการทำทรีทเมนท์กำจัดขนแบบถาวรเมื่อเทียบกับเครื่องมือที่ไม่ใช่เกรดเครื่องมือแพทย์

ทำไมทรีทเมนท์การกำจัดขนถาวรที่ใช้เครื่องมือแพทย์โดยแพทย์ผู้เชียวชาญถึงดีกว่า?

เมื่อพิจจารณาถึงผลลัพธ์ด้านการรักษาแล้ว จะพบว่ามีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเครื่องกำจัดขนแบบ Home user ทั้งในด้านของความปลอดภัยกว่า ความสามารถปรับค่าพลังงานได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับทุกสีผิว และผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า อย่างเช่น MeDioStar Monolith ไดโอดเลเซอร์กำจัดขนถาวร จากประเทศเยอรมันนี เนื่องจากใช้เลเซอร์ถึง 2 ช่วงคลื่น ในกลุ่มของเลเซอร์ Diode (810 และ 940 nm) ที่สามารถกำจัดเส้นขน และเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรากขนได้ในหนึ่งเดียว


อย่างไรก็ตามอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสื่อสารกับคนไข้ให้เข้าใจ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสื่อสารผ่านเครื่องมือทางการตลาดในคลินิกของคุณ ในบทสรุปนี้คุณอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างค่อยเป็นค่อยไปกับคนไข้ในอนาคตของคุณ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง ได้มาตรฐานสากล และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ