Open on Mon – Fri 09:00-18:00

วิธีลดไขมัน

ออกกำลังกายมาตั้งนาน ลดไขมัน ไม่ได้สักที!

วิธีลดไขมัน

“ออกกำลังกายมาตั้งนาน
ลดไขมัน ไม่ได้สักที”

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน การดูแลรูปร่างให้สวยและดูดีนั้น ถือเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน ที่รักและหลงไหลในการดูแลรูปร่าง เราปฎิเสธไม่ได้ว่า แนวคิดเรื่องของการลดไขมันเพื่อรูปร่างที่สวยแบบพิมพ์นิยม หรือ บิวตี้สแตนดาร์ด (Beauty standard) นั้น ถูกปลูกฝังมาอย่างเนิ่นนาน แม้ในปัจจุบันคำนิยามของคำว่า “Real Size Beauty” กำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมากก็ตาม เพื่อเปิดมุมมองอีกด้านของการภูมิใจในตัวตนและความแตกต่างของรูปร่างตนเอง ทำให้ในสังคมไทยมีมุมมองเรื่องของความสวยในรูปร่างที่หลากหลายออกไป จึงไม่แปลก ที่ใครหลาย ๆ คน ยังต้องการลดไขมันเพื่อให้ได้รูปร่างที่สวยและดูดีอยู่เสมอ ทั้งยังสร้างความมั่นใจให้กับตนเองอีกด้วย 

 

          แน่นอน “การลดไขมัน” ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคน ต้องอาศัยความพยายาม ความตั้งใจ และการมีวินัยเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างหนัก และการควบคุมอาหารอยู่ตลอดเวลาเพื่อลดไขมัน บางคนถึงกับท้อและสิ้นหวังในการลดไขมันอย่างมาก เพื่อแลกมากับรูปร่างที่ดูดี ไร้ไขมัน จึงเกิดเป็นคำถามว่า “ออกกำลังกายมาตั้งนาน ทำไมลดไขมันไม่ได้สักที” 

หากเราจะพูดถึงประโยชน์ของ “ไขมัน” ไม่ว่าจะใช้เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย เพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หรือช่วยดูดซึมและสะสมวิตามินได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงรสชาติของอาหารที่มีความนุ่มลิ้น ถูกปากสำหรับหลาย ๆ คน  จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมของไขมันที่มากเกินกว่าความต้องการของร่างกาย

 

เกิดเป็นไขมันที่สะสมในชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) นอกจากจะทำให้รูปร่างอ้วนและลงพุงแล้ว ยังก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ และคอเรสเตอรอลในเลือดสูง โดยการพิจารณาว่าบุคคลใดมีรูปร่างที่อ้วนหรือผอมไป นั้นต้องพิจารณาจาก ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้ประเมินภาวะอ้วนและผอมในผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป มีค่าเท่ากับ น้ำหนัก (หน่วยเป็นกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (หน่วยเป็นเมตร) ยกกำลังสอง บุคคลที่มีดัชนีมวลกายเกิน 30 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สื่อถึงภาวะน้ำหนักเกินที่ส่งผลกระทบถึงสุขภาพ

เมื่อร่างกายมีไขมันส่วนเกินเพิ่มขึ้น เซลล์ไขมันก็จะมีจำนวนมากขึ้นและขนาดใหญ่ขึ้นตามมา เกิดการรวมตัวอย่างหนาแน่นตามบริเวณต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นขา หรือท้องแขน เป็นต้น ทำให้รูปร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงไปจนทำให้หลาย ๆ คนต้องกลับมาตั้งคำถามว่า จะมีวิธีไหนบ้างที่ช่วยแก้ปัญหาหรือเป็นทางเลือกสำหรับ “การลดไขมัน” ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ  

ดังนั้น หากรู้สึกว่าเรามีไขมันสะสมเกินความจำเป็นของร่างกาย และอยากดูแลรูปร่างของตนเองให้ดูดี มีหุ่นที่สวย สุขภาพดีอยู่เสมอ ต้องเริ่มจากเคล็ดไม่ลับ 9+1 ข้อ

ดังต่อไปนี้

วิธีลดไขมัน
  1. หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ดื่มได้เฉพาะน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเทียม 

เช่น เป็ปซี่แม็กซ์ ไดเอทโค้ก 

 

  1. หลีกเลี่ยงน้ำหวาน โอเลี้ยง นมเปรี้ยว และนมที่ปรุงแต่งรสต่าง ๆ ในส่วนของการดื่มชาหรือกาแฟ ไม่ควรใส่น้ำตาล ครีมเทียม หรือนมข้นหวาน ให้ใส่นมพร่องมันเนย หรือน้ำตาลเทียมแทน รวมไปถึงหากต้องการดื่มนม ควรเลือกนมที่มีไขมันต่ำหรือพร่องมันเนย 

 

  1. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เบียร์ ไวน์ หรือวิสกี้ เนื่องจากมีปริมาณแคลอรี่สูง

 

  1. หลีกเลี่ยงอาหารประเภทผัด และทอดทุกชนิด ถ้าจำเป็นควรเลือกใช้น้ำมันพืช

แนะนำรับประทานอาหารประเภทต้ม, ตุ๋น, นึ่ง, ย่าง, อบ หลีกเลี่ยงอาหารที่มัน ๆ เช่น แกงกะทิ 

 

  1. หลีกเลี่ยงรับประทานประเภทข้าวขัดขาว ข้าวสวย ควรทานข้าวไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ข้าวสีนิล เป็นต้น และงดอาหารประเภทแป้ง เช่น ขนมปัง หรือก๋วยเตี๋ยวในปริมาณที่มากเกินไป

 

  1. ควรรับประทานผัก ผลไม้ และดื่มน้ำเปล่า ในปริมาณมากขึ้นในแต่ละมื้อ เช่น ฝรั่ง ส้ม  กล้วย  แอปเปิ้ล ไม่ควรรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัด เช่น ทุเรียน ลำไย ผลไม้เชื่อม และผลไม้แห้งทุกชนิด

 

  1. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง หรือมีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เนื้อมะพร้าว ลดการกินไขมันจากสัตว์ทุกชนิด เนื้อสัตว์ที่ติดมัน หมูสามชั้น ไส้กรอก รวมไปถึงเครื่องใน ไข่แดง ไข่ปลา และอาหารทะเลบางชนิด เช่น กุ้ง หอย ปู ปลาหมึก ควรเน้นรับประทานเป็นปลา หรือเนื้อหมู, ไก่ หรือวัวที่ไม่ติดมัน

 

  1. งดรับประทานขนมกินเล่น อาหารที่ใส่กะทิหรือน้ำตาลมาก ๆ เช่น ขนมฝอยทองทองหยิบ  ทองหยอด ขนมเค้ก ช็อกโกแล็ต ไอศกรีม คุกกี้ แครกเกอร์ สังขยา เป็นต้น รวมทั้งการทานของจุบจิบระหว่างวัน

 

  1. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ระยะเวลาติดต่อกัน (วันละ 30-40 นาที) 

อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง โดยเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น   และหายใจเร็วขึ้น (Aerobic exercise) เช่น การวิ่ง เดินเร็ว ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ

เล่นเทนนิส แบดมินตัน หรือเตะฟุตบอล ที่สำคัญการที่จะลดไขมันลงได้ พลังงานที่ใช้ต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับ หากไม่สามารถควบคุมปริมาณอาหารได้ ก็ต้องออกกำลังกายให้มากขึ้น แต่หากออกกำลังกายได้น้อย จึงจำเป็นต้องควบคุมพลังงานที่ได้รับจากอาหาร ก็จะสามารถควบคุมเรื่องของปริมาณไขมันส่วนเกินได้

นอกจาก 9 วิธีการลดไขมัน ที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็ยังมีอีก 1 ทางเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในยุคแห่งความเร่งรีบนี้ได้อย่างดีเยี่ยม นั่นคือวิธีลดไขมันด้วย SculpSure – เลเซอร์กำจัดไขมันถาวร ภายใน 25 นาที

 

เทคโนโลยี SculpSure เป็นที่นิยมอย่างมากในวงการสุขภาพและความงาม ตัวเครื่องเป็น Adsvanced Laser 1060 นาโนเมตร สามารถปล่อยพลังงานความร้อน 42-47C ทำให้เซลล์ไขมันเกิดภาวะช็อกแล้วตายไป และร่างกายจะค่อย ๆ กำจัดไขมันออกตามกระบวนการธรรมชาติของร่างกาย ผิวบริเวณที่ทำจะไม่มีรอยหรือบาดเจ็บใด ๆ สัดส่วนบริเวณนั้นก็จะ Fit & Firm ขึ้นอีกด้วย ทั้งยังเป็นทรีทเมนต์ที่รวดเร็ว ใช้เวลาสั้นเพียง 25 นาที คนไข้ไม่จำเป็นต้องฟักฟื้น หลังทำสามารถกลับบ้านหรือไปทำงานได้ตามปกติ 

เรียกได้ว่า SculpSure เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยตอบโจทย์สำหรับคนรักในการดูแลรูปร่างและต้องการลดไขมันส่วนเกินที่กำจัดยากได้อย่างลงตัว

Venus Viva MD

10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD

การทำ Skin resurfacing เป็นหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในคลินิกความงามทั้งในและต่างประเทศ ในด้านการรักษาปัญหาต่างๆ ทั้งริ้วรอยร่องลึก ริ้วรอยร่องตื้น รอยแผลเป็นจากสิว รอยแตกลาย รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอและปัญหาผิวอื่นๆ


แม้ว่าอาจจะมีเทคโนโลยรอื่นๆ ให้เลือกอีกมากมาย แต่เทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมสำหรับผู้เชี่ยวชาญในทุกวันนี้ คือ NanoFractional™ Radio Frequency ซึ่งเป็นเทคโนโลยีในรูปแบบ Fractional Ablative ที่ได้รับการพัฒนามาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ร่วมกับความปลอดภัยสำหรับทุกสภาพผิว


Venus Viva™ MD เป็นเทคโนโลยีเพื่อการดูแลผิว โดยอาศัยการทำงานร่วมกันของ เทคโนโลยี NanoFractional™ Radio Frequency (RF) และเทคโนโลยี SmartScan™ ในการส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิว ทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นบาดแผลสลับกับเนื้อเยื่อปกติ (fractional resurfacing system) เพื่อให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวและฟื้นฟูผิวบริเวณนั้นๆ โดยสามารถปรับเปลี่ยนพลังงานในการรักษาได้หลากหลาย ตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และมีระยะการพักฟื้นที่สั้น ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ Venus Viva™ MD จึงเป็นอีกเทคโนโลยีที่เหมาะสำหรับแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังที่กำลังมองหาอุปกรณ์เพื่อการฟื้นฟูผิวที่เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและตอบโจทย์ต่อคนไข้ค่ะ


โดยในบทความนี้เราได้รวบรวม 10 ข้อควรรู้ เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD มาฝากกันค่ะ  

1. It’s Highly Customizable

Venus Viva™ MD สามารถปรับรูปแบบการรักษาได้ทั้งด้านพลังงาน และ Pulse Duration เพื่อควบคุมการส่งพลังงาน NanoFractional Radio Frequency ให้เหมาะสมกับแต่ละปัญหาผิว เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดร่วมกับความสบายผิวของคนไข้ที่เข้ารับการรักษา

Venus Viva MD

2. The Technology is Revolutionary

Venus Viva™ MD ได้มีการพัฒนา NanoFractional RF™ applicator ให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น ด้วยหัวทิป 2 รูปแบบ ที่มีความเข้มและความหนาแน่นของพลังงานที่แตกต่างกัน เพื่อเสริมการรักษาปัญหาผิวต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ในแอพพลิเคเตอร์ของ Venus Viva™ MD ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยี SmartScan™ ที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของทางแบรนด์ เพื่อช่วยให้พลังงานสามารถลงสู่ชั้นผิวได้ดีและหลากหลายมากขึ้น

Venus Viva MD

3. Safe for All Skin Types*

การรักษาด้วย Venus Viva™ MD มีความปลอดภัยและผลข้างเคียงที่ต่ำกว่าเทคโนโลยีอื่นๆ ทั้งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรอยดำหลังการอักเสบ (PIH) ซึ่งเป็นข้อกังวลใจในการทำ Skin resurfacing สำหรับผู้ที่มี Fitzpatrick Skin types IV-VI

4. Perform Treatments with Low Downtime

ด้วยความพิเศษในการทำงานร่วมกันของ NanoFractional RF™ และเทคโนโลยี SmartScan™ ในการส่งพลังงานผ่านพินขนาดเล็ก ซึ่งพินเหล่านี้จะทำให้เนื้อเยื่อผิวเกิดเป็นบาดแผลขนาดเล็ก (micro-dermal wounds) สลับกับเนื้อเยื่อผิวที่ดี เพื่อช่วยให้กระบวนการฟื้นฟูผิวเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

5. It Has a Unique Applicator

Venus Viva™ MD applicator ผ่านการออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อสะดวกต่อทั้งผู้ให้บริการและผู้รับการรักษา และด้วยหัวทิปที่สามารถเลือกใช้ได้ 2 รูปแบบ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการรักษาให้หลากหลายและตรงจุดมากยิ่งขึ้น

6. Patented Tip Technology

Venus Viva™ MD applicator เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและเต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ โดยสามารถส่งพลังงานได้สูงสุด 700 พัลส์ พลังงานลงได้ลึกถึง 800 µm นอกจากนี้ยังครอบคลุมพื้นที่การรักษาได้มากขึ้นเพื่อร่นระยะเวลาในการรักษาให้สั้นลง

Venus Viva MD

7. Choice of Two Tips

Venus Viva™ MD มาพร้อมกับหัวทิป 2 รูปแบบ ทั้งชนิด 160 พิน ที่สามารถส่งได้ 62 mJ/pin เพื่อฟื้นฟูปัญหาผิวต่างๆ รวมถึงลดเลือนริ้วรอย รูขุมขนที่กว้าง รวมถึงรอยแตกลาย และหัวทิปชนิด 80 พินที่ส่งพลังงานได้ถึง 124 mJ/pin โดยความสามารถในการส่งพลังงานลงสู่ผิวได้ลึกยิ่งขึ้น จึงตอบโจทย์สำหรับการรักษาปัญหาผิวที่ค่อนข้างรุนแรง ทั้งปัญหาริ้วรอยลึกและหลุมสิวประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Venus Viva MD

8. Enhanced with SmartScan™ Technology

SmartScan™ เป็นเทคโนโลยีลิขสิทธิ์ของ Venus Viva เพื่อส่งและกระจายพลังงานลงสู่เนื้อเยื่อผิวได้อย่างเหมาะสมและทั่วถึงในรูปแบบสุ่ม (random) ผ่านอัลกอริทึมเฉพาะตัว เพื่อเพิ่มผลลัพธ์ที่และความสบายผิวของคนไข้มากยิ่งขึ้น

Venus Viva MD

9. Equipped with DiamondPolar™ Applicator

DiamondPolar™ applicator เป็นการรวมกันของคลื่นความถี่วิทยุหลายขั้ว (RF) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (PEMF) หรือที่เรารู้จักกันดีในรูปแบบของเทคโนโลยี (MP)2 ของ Venus Concept ด้วยการจัดวางตัวอิเล็กโทรดอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทำให้สามารถทำการรักษาได้หลากหลาย ทั้งบริเวณใบหน้า รอบดวงตา คอ รวมถึงบริเวณต่างๆ ที่เข้าถึงยาก

Venus Viva MD

10. It’s Supported by Venus Concept’s Unique Business Model

ด้วยการสนับสนุนจาก Venus Concept ทั้งด้านการตลาด การฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการให้คำปรึกษาในการซ่อมบำรุง และอุปกรณ์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อง่ายต่อการใช้งานและปรับเปลี่ยนได้ตามแต่ละปัญหาผิว เพื่อความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่อง รวมถึงผลตอบแทนจากการลงทุนคุ้มค่า

* Venus Viva™ MD ได้รับการรับรองจาก US.FDA , ใบอนุญาตจาก Health Canada และ CE Mark  สำหรับการรักษาทางผิวหนังที่ก่อให้เกิดกระบวนการ Ablation และการผลัดเซลล์ผิวด้วยการใช้แอพพลิเคเตอร์ Viva™ และ Viva™ MD และการใช้แอพพลิเคเตอร์ DiamondPolar™ เพื่อลดเลือนริ้วรอยต่างๆ บนใบหน้า ในรูปแบบของ Non-Invasive Treatment สำหรับผู้หญิงในประเภทผิว Fitzpatrick I-IV ด้วยแอพพลิเคชั่น


ทั้งหมดนี้เป็น 10 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ Venus Viva™ MD เทคโนโลยีเพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าแนวใหม่ ที่ได้มีการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพให้ตอบโจทย์กับปัญหาผิวและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความพึงพอใจสูงสุดของคนไข้ ที่เรานำมาฝากกันนะคะ

Reference : https://bit.ly/3uovHG9

ดูดไขมันที่ไหนดี

รวมคลินิกดูดไขมันด้วย body-jet

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค New Normal ที่คนส่วนใหญ่ต้องกักตัวอยู่บ้านเพื่อ Work From Home ทำให้คนบางกลุ่มมีปัญหาน้ำหนักขึ้นจนส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงานของตน เช่น อาชีพนางแบบ นายแบบ นักแสดง รวมถึงคนในวงการบันเทิง ด้วยเหตุนี้กระแสเทรนด์ความงามที่มาแรงเป็นอันดับต้นๆ ในยุค New Normal จึงหนีไม่พ้นการดูแลรูปร่างให้เฟิร์ม กระชับ กลับมามีส่วนโค้งส่วนเว้าที่สวยงามดังเดิมค่ะ

 

 

การดูดไขมัน เป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมของผู้ที่ต้องการมีรูปร่างที่สวยงาม ด้วยความที่สามารถเห็นผลลัพธ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจนหลังการทำทันที อีกทั้งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็ได้สัดส่วนที่สวยงามแล้ว ทำให้การดูดไขมันเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วในวงการความสวยความงาม

 

 

แต่ในช่วงที่มีข่าวการเสียชีวิตของผู้ที่เข้ารับการดูดไขมัน ก็ทำให้หลายๆ คนที่ตั้งใจจะดูดไขมัน เกิดความวิตกกังวล และเริ่มมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของการดูดไขมัน รวมทั้งมีคอนเทนต์มากมายใน Social Network ที่มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจัง ทั้งจริงบ้าง เท็จบ้าง ปะปนกันไปจนคนเริ่มสับสน และในบทความนี้เราจะพาทุกๆ คนมาไขข้อสงสัยให้เข้าใจ และรู้จักกับการดูดไขมันมากขึ้นค่ะ ที่สำคัญเรามีคลินิกดูดไขมันยอดนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศไทยมาแนะนำกันด้วยค่ะ

ดูดไขมัน

(จำลองตัวอย่างการดูดไขมันด้วย body-jet)

 

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นหนึ่งในรูปแบบของศัลยกรรมทางการแพทย์ โดยอาศัยเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยในการแยกเซลล์ไขมัน และดูดออกจากร่างกาย ซึ่งเป็นการดูดไขมันส่วนเกินบริเวณใต้ชั้นผิวหนังออกไปได้อย่างเฉพาะจุด เพื่อสัดส่วนที่เล็กลงและสมส่วนยิ่งขึ้น การดูดไขมันในปัจจุบัน ได้พัฒนามาอย่างหลากหลาย โดยเริ่มจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Conventional Liposuction) โดยใช้แรงมือ ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีต่างๆ เช่น การใช้คลื่นวิทยุ คลื่นอัลตราซาวน์ การใช้เลเซอร์ รวมถึงการใช้พลังน้ำเพื่อช่วยในการสลายไขมันออกจากผังผืดก่อนดูดออกจากร่างกาย ซึ่งมีความอ่อนโยนและยังนำไขมันที่ดูดออกมาแล้วเติมกลับเข้าส่วนอื่นที่ต้องการได้อีกด้วย

คำถามยอดฮิตในช่วงที่ผ่านมา หลังจากมีข่าวเหตุการณ์การเสียชีวิตของผู้ที่ดูดไขมัน ทำให้หลายคนเกิดความสับสน และลังเลถึงความปลอดภัยในนวัตกรรมนี้ ซึ่งตามหลักการแล้ว การดูดไขมันมีความปลอดภัย และไม่ก่อให้เกิดการเสียชีวิต หากทุกขั้นตอนอยู่ภายใต้สถานพยาบาลที่ถูกต้องตามกฏหมาย ห้องผ่าตัด และอุปกรณ์ต่างๆ สะอาด ปลอดเชื้อ รวมถึงอยู่ในการดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูดไขมันโดยเฉพาะ อีกทั้งด้วยการพัฒนาทางด้านการแพทย์ทำให้ การดูดไขมันในปัจจุบัน สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น อ่อนโยนมากขึ้น และบางนวัตกรรมไม่จำเป็นต้องมีการใช้ยาสลบก่อนดูดไขมันอีกด้วย เป็นเพียงการใช้ยาชาเฉพาะจุดเท่านั้น ซึ่งคนไข้จะรู้สึกตัวตลอดระยะเวลาการรักษา และช่วยลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้สุขภาพ และการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันของคนไข้ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกันนะคะ โดยในขั้นตอนการปรึกษากับคุณหมอ คนไข้ควรบอกข้อมูลต่างๆ อย่างครบถ้วนตามความเป็นจริง ทั้งเรื่องของสุขภาพ การรับประทานยาหรือวิตามินต่างๆ รวมถึงอาการแพ้ของคนไข้อย่างละเอียด เพื่อที่แพทย์จะได้วางแผนประเมินการรักษาที่เหมาะสมเพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดต่อคนไข้ค่ะ

โดยปกติก่อนเริ่มดูดไขมันจะมีการใช้ยาชาเฉพาะที่ หรือในบางคลินิกจะมีการใช้ยาสลบ ซึ่งคนไข้จะรู้สึกเจ็บเหมือนมดกัดในขั้นตอนของการฉีดยาชาเท่านั้น ส่วนในระหว่างการดูดไขมันอาจมีอาการตึงๆ ในบางจังหวะที่แพทย์เคลื่อนมือเท่านั้น หรือในบางคนจะไม่รู้สึกถึงความเจ็บเลย

ความจริงแล้วการดูดไขมันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับทุกคน ทั้งหญิงและชายที่ต้องการเพิ่มความมั่นใจในรูปร่าง รวมถึงกลุ่มคนที่พยายามควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องแล้ว แต่ยังคงมีไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ การดูดไขมันช่วยแก้ปัญหานี้ได้ตรงดี

 

สำหรับปริมาณของไขมันที่สามารถดูดออกมาได้มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งรูปร่าง บริเวณการรักษา รวมถึงความพึงพอใจของคนไข้ โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะประเมินและออกแบบการดูดไขมันให้เหมาะสมกับคนไข้ที่สุดค่ะ

เนื่องจากการดูดไขมัน ถือเป็นการผ่าตัดใหญ่รูปแบบหนึ่ง การศึกษาหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้มากเพียงพอและการเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งก่อนและหลังดูดไขมันล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลย ดังนั้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการดูดไขมัน เรามาทำความรู้จัก 4 ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการดูดไขมันกันค่ะ


STEP 1 : เข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่คลินิกหรือโรงพยาบาล

  • เริ่มจากการกรอกข้อมูลต่างๆ รวมถึงโรคประจำตัว การแพ้อาหารหรือยาต่างๆ ตามความเป็นจริง
  • ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูงและสัดส่วน เพื่อให้แพทย์ประเมินรูปร่าง
  • พูดคุยและปรึกษาถึงความต้องการต่างๆ เพื่อให้แพทย์แนะนำการรักษาที่เหมาะสมของแต่ละคน
  • นัดวันเข้ารับการผ่าตัด

STEP 2 : การเตรียมพร้อมก่อนวันดูดไขมัน

  • ตรวจร่างกายตามคำแนะนำของแพทย์
  • งดรับประทานยาหรือวิตามิน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ หรือตามดุลยพินิจของแพทย์
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดรับประทานอาหารและน้ำ 6-8 ชั่วโมง

 STEP 3 : ขั้นตอนในการดูดไขมัน

  • เซ็นต์เอกสารยินยอมให้ทำการรักษา
  • บันทึกภาพและวัดสัดส่วนก่อนการรักษา เพื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์หลังการรักษา
  • ทางแพทย์จะทำการมาร์กตำแหน่งต่างๆ ที่จะทำการรักษา
  • รับยาฆ่าเชื้อ และเข้าห้องผ่าตัด
  • ทำการขัดผิวด้วยยาฆ่าเชื้อเพื่อทำความสะอาดร่างกายก่อนผ่าตัด
  • แพทย์จะมีการฉีดยาชาเพื่อเปิดแผลผ่าตัด และเริ่มขั้นตอนการดูดไขมัน
  • หลังเสร็จขั้นตอนการดูดไขมัน ทางแพทย์จะอธิบายขั้นตอนต่างๆ รวมทั้งวิธีการดูแลตัวเอง จากนั้นคนไข้สามารถกลับบ้านได้เลย (ควรมีญาติหรือคนรู้จักเดินทางมารับ)

STEP 4 : การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน

  • ควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
  • หลังดูดไขมัน อาจมีอาการปวดระบม 1-2 วัน แต่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
  • ช่วง 3 วันแรกหลังจากการดูดไขมัน อาจมีน้ำซึมออกจากบาดแผลได้เป็นปกติ และคนไข้ควรเปลี่ยนผ้าปิดแผลอย่างน้อยวันละ 1-2 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงให้แผลโดนน้ำเวลา 1 สัปดาห์ เนื่องจากอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
  • หลังจากดูดไขมัน 1 สัปดาห์ แพทย์จะมีการนัดเข้ามาเพื่อติดตามผลและตัดไหมเย็บแผล
  • ใส่ชุด Support รัดในตำแหน่งที่ดูดไขมัน ตลอดเวลายกเว้นช่วงเวลานอน และใส่เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือนเพื่อรักษาสัดส่วนในคงรูปที่สุด
ทั้งหมดนี้เป็นขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้นจนจบกระบวนการดูดไขมันในลักษณะการดูดแล้วทิ้งไปเท่านั้นนะคะ ซึ่งหากเป็นการดูดไขมันในลักษณะที่มีการเติมกลับเข้าสู่ร่างกาย (Fat Transfer) จะมีขั้นตอนในการดูแลตัวเองเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหลักๆ แล้วจะแนะนำให้มีการหลีกเลี่ยงการกด บีด รัด หรือนวด ในบริเวณที่ทำการเติมไขมันกลับเข้าไป และไม่ควรทำกิจกรรมต่างๆ ที่เน้นการออกแรงหนักๆ เพื่อป้องกันการกระทบกระเทือน และลดอัตราการรอดของเซลล์ไขมันที่เติมกลับเข้าไปค่ะ

การดูดไขมัน เป็นเทคโนโลยีทางลัดเพื่อช่วยให้เรามีรูปร่างที่เรียวเล็ก มีส่วนโค้งส่วนเว้าที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และไม่ใช่การลดน้ำหนัก โดยข้อดีของการดูดไขมัน คือ สามารถเลือกดูดไขมันส่วนเกินออกได้อย่างเฉพาะจุด รวมถึงสามารถดูดไขมันออกได้ทุกประเภท ทั้งชนิดที่เป็นไขมันปกติ และไขมันดื้อด้านที่กำจัดยากซึ่งการออกกำลังกายไม่สามารถกำจัดออกได้ อีกทั้งไขมันที่ได้ออกมายังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น นำกลับมาเติมเต็มใบหน้า หน้าอก ก้น เป็นต้น

 

ข้อจำกัดของการดูดไขมันก็มีเช่นกัน คือ จำเป็นที่จะต้องมีการเปิดแผลซึ่งอาจก่อให้เกิดรอยแผลเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงแรกอาจมีน้ำปนเลือดซึมออกมาจากบาดแผลร่วมกับมีอาการเจ็บตึงแผล และมีอาการช้ำในระยะเวลาหนึ่ง หรือในบางคนอาจมีผิวหนังเป็นคลื่นเกิดขึ้นได้ซึ่งขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน รวมถึงการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันด้วยค่ะ 

อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันนี้ ได้มีเทคโนโลยีความงามมากมายมาลดข้อจำกัดต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่น ในกรณีที่มีปัญหาผิวเป็นคลื่น ไม่กระชับหลังดูดไขมัน แพทย์จะนัดคนไข้เข้ามาปรับรูปร่างอีกครั้งด้วยการใช้นวัตกรรมในกลุ่มคลื่นวิทยุ (RF) ที่ช่วยให้ผิวบริเวณที่เป็นคลื่นนั้น ค่อยๆ เรียบเนียนและตึงกระชับยิ่งขึ้นเพื่อรูปร่างที่เข้ารูป ดูสวยงามอย่างเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้นค่ะ

ดูดไขมัน

การดูดไขมันสามารถทำได้ในทุกส่วนของร่างกายที่มีไขมันส่วนเกินมากเพียงพอ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีและดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาด้วยนะคะ โดยบริเวณที่คนส่วนใหญ่นิยมดูดไขมัน ได้แก่

  • หน้าท้อง
  • ต้นแขน
  • ต้นขา
  • หน้าอก
  • สะโพก
  • หลัง
  • ก้น

และยังมีบริเวณอื่นๆ อีก เช่น ไขมันใต้คาง, ต้นคอ, กระพุ้งแก้ม รวมถึงหัวเข่า

“ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อแล้วว่าคุณสนใจดูดไขมันจริงๆ หากคุณกำลังมองหาคลินิกดูดไขมันอยู่ แต่ไม่รู้จะเลือกดูดไขมันที่ไหนดี มีที่ไหนปลอดภัยบ้าง ไม่ต้องกังวลไปค่ะ บริษัทเทคนิคอลไบโอเมด ในฐานะผู้นำเข้านวัตกรรมเครื่องมือแพทย์เสริมความงามมาตรฐาน Gold Standard ได้รับรอง THAI&U.S.FDA เราได้รวบรวมคลินิกดูดไขมันที่เชื่อถือได้มาแนะนำค่ะ โดยมีเกณฑ์คัดเลือกดังนี้”

  • แพทย์มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการดูดไขมัน

  • แพทย์มีประสบการณ์ดูดไขมันสูง วัดจากจำนวนเคส และยอดรีวิวจากคนไข้จำนวนมาก

  • คลินิกหรือโรงพยาบาลนั้นเลือกใช้เครื่องดูดไขมัน body-jet ที่เป็นนวัตกรรมดูดไขมันด้วยพลังน้ำ ซึ่งเป็นที่นิยมในวงการศัลยแพทย์เพราะมีความอ่อนโยนต่อคนไข้ และปลอดภัยสูง ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบคนไข้ อุปกรณ์ออกแบบมาเป็น Sigle Use ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งจึงลดโอกาสในการติดเชื้อ อีกทั้งเครื่องมีมาตรฐาน Gold Standard ได้รับรอง THAI & U.S.FDA

  • คลินิกหรือโรงพยาบาลนั้นมีห้อง Operation สะอาด ปลอดเชื้อ

  • บริการหลังการดูดไขมันเป็นที่น่าประทับใจ มีการบอกต่อจากคนไข้

รวมคลินิกดูดไขมันด้วย body-jet

ดาวน์โหลด Checklist ก่อนดูดไขมัน

Send download link to:

ศูนย์ดูดไขมัน เติมไขมัน กระชับสัดส่วนเฉพาะทางที่เน้นความปลอดภัยและคุณภาพเป็นหลัก นำทีมโดยคุณหมอไอซ์และคุณหมอมะปราง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่พร้อมเลือกสรรสิ่งที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสูงสุด ดูแลคนไข้ในทุกขั้นตอนอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เริ่มต้นให้คำปรึกษา จนถึงการดูแลติดตามผลหลังเพื่อผลลัพธ์ของคนไข้ที่ดีที่สุดค่ะ หากใครสนใจดูดไขมันที่ Amara Clinic ทั้ง 2 สาขา

1. สาขา รัชโยธิน (ใกล้เมเจอร์รัชโยธิน)

เบอร์ติดต่อ : 062-946-2397

2. สาขา ราชพฤกษ์ (ใกล้ The Crystal SB ราชพฤกษ์)

เบอร์ติดต่อ : 062-556-6623

 

 

หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/AmaraDoctor

Website : https://www.amara-clinic.com

LINE : @amaraclinic

คลินิกเสริมความงามและศูนย์บริการดูดไขมันด้วย body-Jet มีทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์มากกว่าสิบปี นำทีมโดย “คุณหมออ้อย” ผู้มีประสบการณ์ด้านความงามและดูดไขมัน ซึ่งเน้นการออกแบบรูปร่างของคนไข้ให้ดูดี 360 องศา ด้วยความเชื่อที่ว่า “ความสวยไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อม และออกแบบได้ด้วยตัวคุณเอง”

หากใครสนใจดูดไขมันที่ YDC You Desire Clinic ทั้ง 2 สาขา

1.สาขา เซ็นทรัลอีสต์วิลล์ เลียบด่วน

เบอร์ติดต่อ : 061-1962-391

2.สาขา แยก ม.เกษตร (คอนโดศุภาลัย ปาร์ค แยกเกษตร)

เบอร์ติดต่อ : 088-1991-626

 

หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/Youdesireclinic

Website : https://www.youdesireclinic.com

LINE : @youdesireclinic

คลินิกดูแลผิวพรรณ ความงามทั่วเรือนร่าง รวมถึงงานศัลยกรรมและดูดไขมัน ดำเนินการโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ทั้งในและต่างประเทศ มากกว่า 11 ปี ให้ความสำคัญเรื่องประสิทธิภาพการรักษา และความพึงพอใจของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีทันสมัยระดับโลก บริการที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน จึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับบริการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยค่ะ

หากใครสนใจดูดไขมันที่ KPS Clinic

เบอร์ติดต่อ : 097-242-3294

 

หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/kpsclinicth

Website : https://kpsclinic.com

LINE : @kpsclinic

คลินิกความงามใจกลางเมือง ให้บริการด้านความงาม ปรับรูปหน้า แก้ไขโหงวเฮ้ง และเวชศาสตร์ชะลอวัย รวมถึงดูดไขมันและดูแลสุขภาพแบบครบวงจร นำทีมโดยคุณหมอขนม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยจากอเมริกา โดยมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ และ ได้คัดสรรเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน เพื่อผลลัพธืที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ เรียกได้ว่าดูแลได้ทั้งผิวพรรณความงาม และสุขภาพแบบองค์รวม

หากใครสนใจดูดไขมันที่ Roselin Wellness Center

เบอร์ติดต่อ : 091-010-9379

 

หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/Roselinwellness

Website : https://rwcclinic.com/

LINE : @roselinwellness

คลินิกด้านความงามและผิวพรรณ รวมถึงการดูดไขมัน ที่ให้ความใส่สำคัญกับการเลือกเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐานและการยอมรับจากทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการบริการ และบรรยากาศที่อบอุ่น ใส่ใจในประสิทธิภาพของการรักษา เพื่อให้คนไข้ได้รับการรักษาที่ดีและเหมาะที่สุดสำหรับแต่ละคน

หากใครสนใจดูดไขมันที่ Sense Skeyn Clinic ทั้ง 2 สาขา

1.สาขาสงขลา

เบอร์ติดต่อ : 074-327-338, 085-671-0008

2.สาขาหาดใหญ่

เบอร์ติดต่อ : 074-230377, 083-193-1117

 

หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/Senseskeynclinic

Website : https://www.senseskeynclinic.com

LINE : @SENSESKEYNCLINIC

คลินิกที่เน้นให้บริการโปรแกรมการรักษาด้านความงาม ชะลอวัย และศัลยกรรมหลากหลายรวมทั้งดูดไขมัน ให้บริการด้วยความปลอดภัย ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ด้วยเทคนิคเฉพาะตัวเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของแต่ละบุคคลได้อย่างตรงจุด

หากใครสนใจดูดไขมันที่ Masterwork Clinic (อาคารอโศกทาวเวอร์ ชั้น 1)

เบอร์ติดต่อ : 083-435-6868

 

 

หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Facebook : https://www.facebook.com/masterworkclinic

Website : https://masterworkclinic.com/

LINE : @masterworkclinic

สุดท้ายนี้ สำหรับสาวๆ และหนุ่มๆ ที่ต้องการหาทางลัดเพื่อรูปร่างที่ดี โดยไม่ต้องเหนื่อยกับการคุมอาหารและออกกำลังกาย “การดูดไขมัน” ก็คือทางเลือกที่ตรงจุดค่ะ และขอฝากข้อคิดสำคัญเพื่อเตือนใจผู้ที่สนใจในเทคโนโลยีดูดไขมันนี้ว่า “การดูดไขมันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการผ่าตัด ซึ่งอาจมีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด มองหาคลินิกที่ได้มาตรฐาน สอบถามและประเมินอัตราค่ารักษาให้สมเหตุสมผล ทั้งนี้คนไข้เองควรมีความพร้อมสำหรับการดูดไขมัน ไม่ปกปิดข้อมูลด้านสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและความปลอดภัยอย่างสูงสุดต่อคนไข้เองนะคะ”

 

ท้ายที่สุดนี้หลังจากเราพึ่งทางลัดในการมีหุ่นสวยแล้ว ควรหมั่นดูแลรูปร่างเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ควบคู่กับการออกกำลังกาย ที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อผลลัพธ์หุ่นสวยที่ยั่งยืนนะคะ 

Find a treatment provider nearby you

1. Put your location

2. Choose category

3. Select distance

4. Find treatment providers nearby your location

Radius: KM
Loading...
HOSPITALS & CLINICS: 0 PRINT

Store Direction

Get Your Directions

LOCATE YOUR GEOPOSITION

ชุดว่ายน้ำ

5 Ways to be ซุปตาร์บนชายหาด

ชุดว่ายน้ำ

5 Ways to be ซุปตาร์บนชายหาด

Summer is coming! เมื่อเอ่ยถึงฤดูร้อน หรือช่วง Summer สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอันดับต้นๆ ก็คือ แสงแดด ทะเล  และชายหาด  นั่นเอง และเมื่อพูดถึงทะเล สาวๆ หลายคน ก็คงเตรียมความพร้อมที่จะใส่บิกินี่สวยๆ เพื่อถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียต่างๆ ส่วนหนุ่มๆ เองก็เตรียมฟิตหุ่นให้พร้อมโชว์กล้ามท้อง ที่สะกดสายตาเช่นกัน

 

แต่…ก็ยังมีหนุ่มๆ สาวๆ จำนวนไม่น้อยที่ชุดพร้อมแล้ว เหลือแต่ความมั่นใจที่ยังไม่พร้อม!! ไม่มั่นใจในรูปร่างบ้าง ผิวพรรณบ้าง ซึ่งในบทความนี้ เราได้รวบรวม 5 เคล็ดลับของเหล่าซุปตาร์ มาแชร์ให้ทุกคนได้เตรียมตัว Go the beach อย่างมั่นใจ ตลอด Summer มาฝากกันค่ะ

ชุดว่ายน้ำ

1. Confident is First!

การใส่บิกินี่ หรือชุดว่ายน้ำรัดรูปใดๆ ก็ตามให้สวยนั้น บางครั้งก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีหุ่นที่ดีเหมือนนางแบบเท่านั้นนะคะ เพราะว่าทุกคนล้วน “ดูดี” ในแบบของตัวเอง ขอเพียงแค่เราสร้างความมั่นใจขึ้นมา ปลดปล่อยพลังบวก และเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรออกมาสู่ทุกคน เสน่ห์ของคุณก็จะเฉิดฉายออกมาด้วยเช่นกัน รับรองได้เลย ใครอยู่ใกล้ต้องหลงเสน่ห์ของคุณแน่ๆ

ชุดว่ายน้ำ

2. เลือกชุดให้เหมาะกับรูปร่าง

การรู้จักรูปร่างของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเลือกชุดว่ายน้ำรวมถึงชุดอื่นๆ เพื่อเสริมจุดเด่นและพลางจุดด้อย ให้เรามีบุคลิกภาพที่ดียิ่งขึ้นได้ รวมทั้งอาจหา Accessories สวยๆ หรือผ้าคลุม เก๋ๆ ซักผืนมาใส่เพื่อพรางตัว และเพิ่มความสดใสให้ตัวเองก็ได้เช่นกันค่ะ หรือหากคุณมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นอีกนิดนึง การเลือกใช้เทคโนโลยีสลายไขมันก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน เพราะเปรียบเสมือนการซื้อเวลาให้หุ่นสวยเข้ารูปได้แบบเร่งด่วนค่ะ

ชุดว่ายน้ำ

3. ดูแลผิวอย่างจัดเต็ม

ก่อนจะถึงวันใส่บิกินี่ อย่าลืมเตรียมผิวให้พร้อมด้วยนะคะ ซึ่งจริงๆ แล้วการมีผิวที่สวยสะกดสายตา ไม่จำเป็นต้องผิวขาวเสมอไป เราสามารถเป็นคนผิวสีแทน สีน้ำผึ้งที่สีผิวเสม่ำเสมอ เกลี้ยงเกลา ดูสุขภาพดีได้เช่นกันค่ะ โดยทางลัดไปสู่ผิวสวยระดับซุปตาร์ สมัยนี้ก็มีหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการขัดผิว มาส์กหน้า เติมวิตามิน การทำเลเซอร์ผิวใส เป็นต้น เพราะเมื่อผิวของเราพร้อม ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ และทำให้เราใส่บิกินี่ได้สวยยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนสาวๆ คนไหนที่เข้าคลินิกหรือสปาบำรุงผิวอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยนะคะ

งดโซเดียม ลดน้ำหนัก

4. ลดเค็ม … ลดบวม

สาวบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน แต่แท้จริงแล้ว เป็นอาการบวมน้ำ ที่เกิดจากการทานอาหารรสเค็มจัด โดยตัวการหลักนั้น คือ เจ้าโซเดียม ซึ่งจะอมน้ำที่อยู่ในร่างกายเรา จนทำให้เกิดอาการบวมทั้งหน้าและตัว ดังนั้นก่อนมีแพลนจะโชว์หุ่นสวยในชุดบิกินี่ เราควรใส่ใจการทานอาหารด้วยนะคะ ถ้าจะให้ดีไปกว่านั้น หาเวลาออกกำลังกายร่วมด้วยนะจ๊ะ

กำจัดขนถาวร

5. ผิวเรียบเนียนไร้ขนกวนใจ

แน่นอนว่า เมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ เราคงไม่อยากให้มีเจ้าขนที่ไม่พึงประสงค์ หลุดรอดออกมากวนใจของเรา ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนใส่บิกินี่อีกอย่างที่สำคัญ คือการกำจัดขนนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีหลายวิธีให้เราเลือกสรร ทั้งการใช้ครีมกำจัดขน การโกน ถอน หรือแว็กซ์ แต่หากใครที่กลัวเจ็บ สมัยนี้ก็มีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่คิดค้นการกำจัดขนมาเพื่อคุณ ทั้งที่เป็นชนิด Diode Laser หรือ YAG ที่สามารถกำจัดขนได้อย่างอ่อนโยน และลดการเกิดใหม่ของขนอีกด้วยค่ะ

SculpSure®

The SculpSure device provides WarmSculpting™ treatments for non-invasive body contouring that permanently reduces stubborn fat without surgery or downtime.

Venus Legacy™

The highly advanced non-invasive medical device that effectively resolves challenging face and body aesthetic needs, such as non-surgical circumferential reduction, cellulite reduction, skin tightening, and wrinkle reduction.

กำจัดขน

ขนเจ้าปัญหา กับวิธีกำจัดออกรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

กำจัดขน

ขนเจ้าปัญหา กับวิธีกำจัดออกรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

การมีผิวสวย ไม่ใช่แค่การมีผิวขาวกระจ่างใส แต่รวมถึงการมีผิวที่เรียบเนียน ปราศจากริ้วรอย หรือเม็ดสีกระดำกระด่าง และอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่และเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาในกลุ่มสาวๆ ยุคปัจจุบันนี้ ก็คือเรื่องขนนั่นเอง โดยเจ้าขนนี้ เป็นอวัยวะที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แต่หากมีมากจนเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ทั้งในเรื่องของความสะอาด กลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าของหนุ่มๆ และสาวๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการกำจัดขนกัน เพื่อให้เราเข้าใจและเลือกวิธีการกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

การกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งผู้หญิงในอยุธยา กว่า 100 ปีที่ผ่านมา มีการใช้แหนบในการถอนขนบริเวณรักแร้ ซึ่งยังมีการใช้วิธีการนี้อยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏหลักฐานอยู่ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร แห่งราชวงศ์บ้านพูหลวง ความว่า

 

ไรน้อยรอยแหนบทึ้ง…..ถอนแถว

เป็นระเบียบตามแนว…..รอบเกล้า

ริมเผ้าเพราพริ้งแวว…..แลเลิศ

ผมมวยรวยปีกเจ้า…..เรียบร้อยไรงาม

 

ต่อมาเมื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนในด้านต่างๆ ของเรามากขึ้น จึงได้เกิดวิธีการต่างๆ เพื่อใช้ในการกำจัดขนมาจนถึงปัจจุบัน โดยเราสามารถแบ่งการกำจัดขนได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  • Depilation : เป็นการกำจัดขนเพียงบริเวณพื้นผิว โดยไม่ทำลายโครงสร้างของขนใต้ผิวหนังเลย เช่น การแว๊กซ์ การโกน รวมถึงการใช้ครีมกำจัดขน ซึ่งเป็นการกำจัดขนได้เพียงระยะสั้นๆ ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ เท่านั้น นอกจากเป็นวิธีการที่เจ็บแล้ว ยังส่งผลข้างเคียง ทั้งทำให้เกิดผิวหนังไก่ รอยแผล รอยดำ ต่างๆ ได้อีกด้วย

 

  • Epilation : เป็นการกำจัดขนที่สามารถทำลายได้ลึกถึงโครงสร้างของเส้นขนภายใต้ชั้นผิวหนัง เช่น การใช้ LASER , IPL หรืออุปกรณ์ Electroepilation ที่ให้ผลการรักษาได้ในระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์ ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการกำจัดขนด้วย LASER  แต่ควรเลือกสรรให้เหมาะสมกับตัวเองเนื่องจากหากเลือกใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ เช่น ผิวเกิดการเบิร์น แสบผิว หรือนอกจากขนจะไม่หลุดล่วงไปแล้วยังอาจทำให้ขนเกิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

การใช้เทคโนโลยี LASER เพื่อการกำจัดขนนั้น สามารถกำจัดขนได้ในระยะ Anagen phase เท่านั้น และขนในแต่ละบริเวณก็มีวงจรชีวิตที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเลเซอร์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อการกำจัดขนโดยตรง มีด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Ruby Laser (694 nm) , Alexandrite Laser (755 nm) , Nd : YAG Laser (1064 nm) และ Diode Laser (800-810 nm, 940 nm, 1064-1350 nm)  โดยทุกชนิดมีหลักการทำงานด้วยการส่งพลังงานเลเซอร์ลงสู่รากขนอย่างช้าๆ (รูปแบบ Long pulse (ms)) ซึ่งเซลล์เม็ดสีเมลานินในเส้นขนจะทำหน้าที่เป็นโครโมฟอร์ที่ดูดซับพลังงานเลเซอร์ไว้ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและถ่ายเทสู่เซลล์ต้นกำเนิดขน ทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างขน รวมถึงเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงเส้นขนไม่สามารถผลิต Stemcell  ต้นกำเนิดของเส้นขนได้ ส่งผลให้วงจรการเกิดใหม่ของเส้นขนมีความช้าลง บางลง จนหมดไปในที่สุดหากทำการเลเซอร์ติดต่อกันซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ Long pulse Nd: YAG และ Diode Laser เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การรักษาได้ดีที่สุด จึงทำให้หลายๆ คนเกิดข้อสงสัยว่าระหว่าง YAG และ Diode Laser แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน และผิวของคนไทยอย่างเรา เหมาะกับ Laser ชนิดใดกันแน่

 

 

Long pulse Nd : YAG Laser

Long pulse Nd : YAG หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ “YAG Laser” เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 nm.

 

ข้อดี

  • มีความจำเพาะเจาะจงต่อเมลานินสูง
  • พลังงานสามารถลงได้ลึกสูงสุด 7
  • แก้ไขปัญหาขนคุดได้
  • สามารถทำในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ได้
  • ปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว Skin Type I-VI

ข้อจำกัด

  • ให้ความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
  • มีข้อจำกัดในการกำจัดขนเส้นที่บางมากๆ
  • ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง อาจทำให้เสี่ยงเบิร์นได้

 

Diode Laser

Diode Laser เป็นเทคโนโลยีน้องใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดขน โดยมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น 800 – 810 nm , 940 nm , 1064 -1350 nm

 

ข้อดี

  • มีความจำเพาะเจาะจงต่อเมลานินสูงมาก
  • สามารถให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แม้ใช้พลังงานต่ำ
  • รักษาได้อย่างรวดเร็ว
  • ปลอดภัยต่อผิว มีความเสี่ยงน้อย
  • มี Cooling สำหรับผิวด้านบน ทำให้รู้สึกสบายขณะทำการรักษา
  • เหมาะสำหรับผู้มีผิว Skin type I-V

ข้อจำกัด 

  • ยังมีผลการวิจัยค่อนข้างน้อย
  • มีข้อจำกัดในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ที่เข้าถึงยาก

 

นวัตกรรมเพื่อการกำจัดขนแต่ละประเภทนั้น ต่างมีข้อดี และข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงไม่อาจตัดสินได้อย่างแน่ชัดว่านวัตกรรมใดจะดีที่สุด เนื่องจากต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นสีผิว สีของเส้นขน บริเวณที่ทำการรักษา ระยะวงจรชีวิตของขน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลรวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ทำการรักษาด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนเข้ารับการรักษาจะช่วยให้เราเลือกนวัตกรรมในการกำจัดขนที่เหมาะสมกับเรา และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด