Open on Mon – Fri 09:00-18:00

เครื่องและคุณสมบัติ Potenza Cynosure

6 ปัญหาผิวที่ Potenza รักษาได้

เครื่องและคุณสมบัติ Potenza Cynosure

ทำความรู้จักกับ Potenza by CynoSure

Potenza เป็นเทคโนโลยีความงามในการยกกระชับและดูแลปัญหาผิวด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radio Frequency) จากบริษัท Cynosure ซึ่งได้รับการยอมรับในระดับโลก จุดเด่นของเครื่อง Potenza คือการเป็นนวัตกรรม 4-Mode RF Microneedling เครื่องแรกของโลก ที่รวบรวมทั้ง monopolar และ bipolar RF ความถี่ 1&2 MHz  เอาไว้ภายในเครื่องเดียว สามารถใช้ในการรักษาได้อย่างครอบคลุม ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้รอบด้าน ดังนั้น Potenza จึงเป็นเครื่องที่มีความโดดเด่น ในเรื่องความหลากหลายของระบบการทำงานและถูกยกระดับนวัตกรรมมาเพื่อช่วยฟื้นฟูปัญหาผิวได้อย่างครบวงจร  ตัวเครื่องสามารถปรับการตั้งค่าและออกแบบการรักษาได้เหมาะกับทุกสภาพผิว ทุกปัญหาผิว รวมถึงทุกส่วนของร่างกาย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยแต่ละคนได้อย่างเหมาะสม ทำให้ Potenza อยู่ในเทรนด์ความงามที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในตอนนี้ทั้งที่ในไทยและต่างประเทศเลยทีเดียว 

Potenza ช่วยแก้ปัญหาเรื่องผิวอะไรบ้าง?

Potenza สามาถใช้ในการรักษปัญหาผิวในด้านการยกกระชับ ปรับปรุงรอยตำหนิบนผิวหนัง ทำให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัย ลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้จุดด่างดำจางลง แก้ปัญหาหลุมสิวบนใบหน้าได้อย่างเฉพาะเจาะจง นอกจากนั้นยังช่วยให้ผิวสัมผัสมีความเนียนนุ่มน่าหลงใหล และปรับสีผิวให้ดูสว่างกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ให้ผลลัพธ์ในการกระตุ้นการสร้างเส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินให้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ จากการสะสมความร้อนในเนื้อเยื่อด้วยคลื่นพลังงานวิทยุ การทำทรีตเมนต์ Potenza สามารถตอบโจทย์ปัญหาผิวได้อย่างหลากหลาย คลายทุกความกังวลเรื่องผิวไม่กระชับ ขาดความเต่งตึง ได้เป็นอย่างดี

6 ปัญหาผิวที่ Potenza รักษาได้

  • ลดเลือนริ้วรอยและสัญญาณแห่งวัยต่าง ๆ 
  • ปรับผิวให้กระจ่างใส ผิวดูมีชีวิตชีวามากขึ้น 
  • ทำให้จุดด่างดำดูจางลง 
  • ผิวเต่งตึง แน่นกระชับยิ่งขึ้น 
  • ให้ผิวดูอ่อนเยาว์แลดูสุขภาพดี 
  • แก้ปัญหาหลุมสิว ผิวเรียบ เนียนนุ่ 
ตำแหน่งบนร่างกายที่เครื่อง Potenza สามารถรักษาได้

Potenza รักษาส่วนใดได้บ้าง?

อีกหนึ่งจุดเด่นของ Potenza คือความอเนกประสงค์ในการใช้งานเพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ในการรักษาได้ทุกบริเวณของร่างกาย ตอบโจทย์ปัญหาผิวได้ทั่วทั้งเรือนร่าง โดยสามารถใช้ได้ทั้งกับการรักษาใบหน้าและลำตัวในพื้นที่ดังต่อไปนี้ 

  • หน้าผาก 
  • ริ้วรอยหางตา 
  • ใต้ตา (หากต้องการใช้รักษาเปลือกตาบน จำเป็นต้องใช้ Plastic eye shields ควบคู่ไปด้วย) 
  • จมูก 
  • เหนือริมฝีปากทั้งบนและล่าง 
  • โหนกแก้ม 
  • แก้ม หรือบริเวณกราม 
  • ลำคอ 
  • บริเวณเนินอก 
  • หน้าท้อง 

ทำ Potenza เจ็บไหม ตอนทำจะรู้สึกอย่างไร

การทำทรีตเมนต์ด้วย Potenza 4 Mode RF Microneedlingจะต้องมีการทายาชาควบคู่ไปด้วยก่อนการทำทรีตเมนต์เสมอ เพื่อบรรเทาความเจ็บ ทำให้ระดับความเจ็บไม่เป็นปัญหาต่อผู้เข้ารับการทำทรีตเมนต์ หากอิงตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กันอย่างเป็นทางการในด้านการแพทย์ หรือ Pain Score ที่ใช้ในการประเมินและวัดระดับความเจ็บซึ่งมีตั้งแต่ 0-10 โดย 0 หมายถึงการอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรให้ส่งผลต่อระดับความเจ็บเลย ส่วน 10 คือระดับที่เจ็บจนทนไม่ได้ ต้องหยุดสิ่งกระตุ้นทันที ระดับความเจ็บโดยทั่ว ๆ ไปของการทำทรีตเมนต์ Potenza จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2-4 โดยมากสุดที่ระดับ 4 เท่านั้น  ความเจ็บอาจขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนอาจไม่ได้รู้สึกมากนัก แต่ถึงอย่างไร หากพอมีระดับความเจ็บ ก็เป็นความเจ็บในระดับที่สามารถทนได้ และไม่ได้มากเกินพอดีอย่างแน่นอน

ผลลัพธ์อยู่ได้นานเท่าไหร่

ผลลัพธ์การทำทรีตเมนต์ Potenza ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวของแต่ละบุคคล ในช่วงเริ่มต้นสำหรับการทำทรีตเมนต์ 1-3 ครั้งแรก ผลลัพธ์ของแต่ละครั้งจะเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดในช่วง 1 เดือน แต่เมื่อปัญหาผิวต่าง ๆ เริ่มลงตัว มีการทำทรีตเมนต์และติดตามผลต่อเนื่อง ผิวมีความกระชับ ไม่ได้หย่อนคล้อยมากแล้ว ผลลัพธ์จะคงที่อยู่ได้นานถึง 6-12 เดือนเลยทีเดียว

การทำทรีตเมนต์ Potenza ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์ในยุคปัจจุบันอย่างไร?

Potenza ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ทั้งในเชิงของประสิทธิภาพการใช้งานและในด้านความปลอดภัย ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อและไม่ก่อให้เกิดแผลเป็น ที่สำคัญ หลังรับการทรีตเมนต์ยังไม่ก่อให้เกิด Downtime ไม่ต้องพักฟื้นหรือใช้เวลาในการพักฟื้นสั้น รูปแบบการทำงานของ Potenzaระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนตามกระบวนการธรรมชาติของผิว ช่วยฟื้นฟูผิว และยกกระชับผิว โดยไม่จำเป็นต้องทำการผ่าตัดหรือทำหัตถการใด ๆ ทำให้ Potenzaือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันเป็นอย่างมาก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Potenza ประสบความสำเร็จในฐานะนวัตกรรมความงาม RF Microneedling เครื่องแรกของโลกที่มีมากถึง 4 โหมด รวมถึงทั้งในแง่ของความนิยมและความคุ้มค่าอีกด้วย