Open on Mon – Fri 09:00-18:00

IMCAS Asia 2021

IMCAS ASIA 2021, Taipei & Online

IMCAS Asia 2021

งานประชุมเชิงวิชาการ "IMCAS ASIA 2021"

พบกับงานประชุมวิชาการ IMCAS Asia 2021
Hybrid Congress ที่ไต้หวัน และเซี้ยงไฮ้ พร้อมกับ Online ทั่วโลกตลอดสองวัน 
 10-11 กรกฎาคม 2564
 
✓ Hybrid Edition Event
✓ 40 Scientific Sessions.
✓ Credit CME
✓ Certificate
✓ ​ดูย้อนหลังได้​ 2 สัปดาห์​ (11-25 ก.ค.​ 64)
 
ลงทะเบียนราคาพิเศษสำหรับ Thaicosderm Member
(ราคานี้ก่อน 30 พ.ค. 64 เท่านั้น) 
 
ลงทะเบียน >>http://www.itcam.org/SignupIMCAS.php
ดาวน์โหลดไฟล์โปรแกรม
DOWNLOAD PROGRAM

Send download link to:

IMCAS Asia 2021
IMCAS Asia 2021
IMCAS Asia 2021
ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure

ปลดล็อค Knock ไขมัน ไปกับ SculpSure

ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure
ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure
ปลดล็อค Knock ไขมันด้วย SculpSure

ร่วมปฏิบัติการ "ปลดล็อค Knock ไขมัน ไปกับ SculpSure"

A New Revolution to Transform Your Body

เตรียมพิชิตไขมันช่วง Work From Home ด้วย SculpSure นวัตกรรม Laser Lipolysis (Diode Laser 1060 nm) เครื่องแรกของโลก!
ทางเลือกใหม่ในการกำจัดไขมันดื้อด้าน (stubborn fat) อย่างถาวร

 

พร้อมปฏิบัติการ 🔥burn🔥ไขมันไปกับ “SculpSure”
ใช้เวลาพียง 25 นาที ⏱ ก็สามารถกำจัดเซลล์ไขมันได้สูงสุดถึง 24%

 

สำหรับหนุ่มสาวที่อยากพิชิตหุ่น ไม่ต้องทนเจ็บ เห็นผลทันใจ ปลอดภัย ด้วยมาตรฐาน U.S.FDA

ค้นหาคลินิกชั้นนำที่ให้บริการ SculpSure Treatment ใกล้คุณ ได้ที่ด้านล่างนี้

Radius: KM
Loading...
HOSPITALS & CLINICS: 0 PRINT

    Store Direction

    Get Your Directions

    LOCATE YOUR GEOPOSITION

    Share this post

    Venus Viva MD นวัตกรรมรักษาหลุมสิว

    Venus Viva MD นวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อการรักษาหลุมสิว

    Venus Viva MD นวัตกรรมรักษาหลุมสิว

    Venus Viva MD
    นวัตกรรม NanoFractional RF เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิว

    หลุมสิวหรือรอยแผลเป็นจากสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาที่พบได้กว่า 95% ของผู้มีปัญหาสิว ซึ่งพบได้ทั้งชายและหญิงทั่วโลกตั้งแต่วัยรุ่นจนถึงวัยผู้ใหญ่ ที่เกิดจากความเสียหายของเนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวจากการอักเสบรุนแรงของสิวประเภทต่างๆ โดยเมื่ออาการของสิวทุเลาลง ร่างกายจะมีกระบวนการซ่อมแซมผิวตามธรรมชาติด้วยการผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูให้ผิวกลับสู่สภาวะปกติ แต่เมื่อกระบวนการซ่อมแซมผิวมีความผิดปกติ จะส่งผลให้เกิดปัญหารอยแผลเป็นจากสิวขึ้น ซึ่ง หลุมสิวเป็นผลมาจากการที่ร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนที่น้อยจนเกินไป ทำให้ผิวเกิดเป็นหลุมตื้นหรือลึกบนใบหน้า แตกต่างกันออกไป หากในบางคนที่มีปัญหารุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและจิตใจ ทำให้เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันได้

    ปัญหาหลุมสิว เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่คนส่วนใหญ่ เลือกพบแพทย์ผิวหนังเพื่อเข้ารับการรักษามากที่สุด โดยทางเลือกการรักษามีหลากหลายวิธีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Chemical Peeling , การรับประทานยา, การรักษาด้วย Skin Needing หรือการทำ Subcision ซึ่งเป็นการใช้เข็มขนาดเล็กจิ้มลงไปที่ผิวหนังเพื่อตัดพังผืดใต้หลุมสิวออก จนถึงการผ่าตัดเย็บหลุมสิว และวิธีการที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เช่น IPL , Laser  และนวัตกรรม RF อย่างเช่น Venus Viva MD ที่เป็นหนึ่งใน Gold Standard  ด้านการฟื้นฟูผิว และยังเป็น Ablative Fractional  RF เครื่องแรกที่ให้ผลการรักษาเท่าเทียมกับการใช้แสงเลเซอร์

    Venus Viva MD มิติใหม่เพื่อการฟื้นฟูหลุมสิวและผิวอย่างตรงจุด

    Venus Viva MD อีกหนึ่งนวัตกรรมของวงการแพทย์ผิวหนังเพื่อการรักษาหลุมสิวและฟื้นฟูผิวหน้า ด้วย FirmFX™ แอพพลิเคเตอร์ ที่มีผสมผสานการทำงานร่วมกันของ 2 เทคโนโลยี ระหว่าง Ablative NanoFractional Radiofrequency โดยปล่อยคลื่นวิทยุแบบหลายขั้ว (Multi-Polar RF) เพื่อส่งผ่านพลังงานความร้อนกว่า 100ºC ลงสู่เนื้อเยื่อผิวอย่างละเอียดแม่นยำและลึกได้สูงสุดถึง 500 ไมครอน ผ่านทางปลาย pin ขนาดเล็ก จำนวน 160 pin  ทำให้ผิวเกิดแผลขนาดเล็กละเอียดสลับกับเนื้อเยื่อผิวที่ดี ส่งผลให้เกิดกระบวนการซ่อมแซมผิว พร้อมกับการแผ่พลังงานความร้อนลงสู่เนื้อเยื่อผิวชั้นลึก ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและการจัดเรียงตัวใหม่ของเส้นใยคอลลาเจนให้ผสานกันอย่างเป็นระเบียบและแข็งแรงขึ้น นำไปสู่กระบวนการฟื้นฟูหลุมสิวชนิดต่างๆ ทั้งตื้นและลึก รวมถึงแก้ปัญหาผิว ให้ผิวกลับมาเรียบเนียน และเต่งตึงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

    พร้อมกับความพิเศษอีกระดับ ด้วยเทคโนโลยี SmartScan ™

    อีกหนึ่งความพิเศษของ Venus Viva MD คือ การมีเทคโนโลยี SmartScan™ ที่ควบคุมการปล่อยพลังงานได้หลากหลายรูปแบบ (Random) โดยที่ไม่มีเครื่องใดทำได้มาก่อน พร้อมอัลกอริทึมในการปล่อยพลังงานเฉพาะตัวที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามรอยโรค ทั้งสามารถควบคุมการลงลึกและระดับของพลังงาน เพื่อความปลอดภัยและเพิ่มความสบายผิวให้แก่ผู้รับการรักษาได้อย่างตรงจุด

     

    นอกจากนี้ด้วยความที่ขนาดของแผลที่เกิดขึ้นจากการรักษาด้วยเครื่อง Venus Viva MD มีขนาดที่เล็กมาก จึงทำให้บาดแผลหายได้อย่างรวดเร็ว และยังลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง เช่น การเกิด PIH ได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีอื่นๆ ดั่งผลงานวิจัยทางคลินิกของ Hongcharu W, MD และ Gold M, MD ที่ระบุว่า ผลจากการรักษาด้วย Venus Viva MD มีโอกาสเสี่ยงในการเกิด PIH ได้ 18.1% เมื่อเทียบกับการรักษาด้วย CO2 Lasers และ Er:Glass Lasers ที่มีโอกาสเกิด PIH ได้ถึง 81.8% และ 36.4% ตามลำดับ

     

    ดังนั้น Venus Viva MD จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการฟื้นฟูหลุมสิว รวมทั้งปัญหาผิวต่างๆ ได้อย่างครอบคลุม สามารถใช้ได้ในทุกสภาพผิว ทั้งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ช่วยกระตุ้นการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน ลดเลือนริ้วรอยได้โดยไม่ต้องผ่าตัด พร้อมทั้งได้รับการรับรองความปลอดภัยด้วยมาตรฐาน US.FDA และ THAI FDA

    Reference :

     

    5 เคล็ดลับโปรโมทคลินิกความงาม

    5 เคล็ดลับ ในการโปรโมทบริการของคลินิกความงามให้ดียิ่งขึ้น

    5 เคล็ดลับโปรโมทคลินิกความงาม

    5 เคล็ดลับ ในการโปรโมทบริการของคลินิกความงามให้ดียิ่งขึ้น

    1. โปรโมททรีทเมนท์ผลลัพธ์การรักษา

    ผลลัพธ์การรักษานั้น ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าในการเข้ารับบริการต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาสู่ยอดขายได้

    เคล็ดลับคือ หลังจากโปรโมทไปเเล้ว เก็บบันทึกข้อมูลยอดขาย เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นต่อให้กับคนไข้ในอนาคต โดยในปี 2021 นี้ เทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยม คือ การรักษาที่มีประสิทธิภาพ เเต่ระยะเวลาการรักษาเเละพักฟื้นสั้น

    2. ให้ความสนใจกับการบอกต่อ ผลลัพธ์การรักษา

    ลูกค้าที่ประทับใจในผลการรักษาทรีทเมนท์ในคลินิกความงามนั้น สามารถเปลี่ยนเป็น Ambassadors ของคลินิกของคุณได้อย่างดีเยี่ยม เพียงเเค่สร้างโปรโมชั่นสำหรับคนไข้ที่บอกต่อ เพื่อสร้าง Prospect ใหม่ๆ ให้กับคลินิกของคุณ

    3. ประเมินฐานคนไข้ในคลินิก

    การประเมินฐานคนไข้ในคลินิกของคุณนั้นสามารถทำให้ คุณสามารถออกเเบบโปรโมชั่น เเละข้อเสนอได้ตรงใจคนไข้มากยิ่งขึ้น

    4. สร้างเเบรนด์คลินิกความงามของคุณ

    การสร้างเเบรนด์ให้เป็นที่จดจำ เมื่อรวมกับผลการรักษาที่ยอดเยี่ยมนั้น ให้ผลลัพธ์ที่ยั่งยืนมากกว่า ซึ่งในปี 2021 นี้ เทรนด์การรับชมวิดิโอ ยังได้รับความนิยมสูงอย่างมาก ทำให้คนไข้สามารถเข้าถึงผลลัพธ์การรักษาในรูปเเบบที่เข้าใจได้ง่ายเเละกระตุ้นภาพจำของเเบรนด์คลินิกความงามของคุณอีกด้วย

    5. ให้ความสะดวกสบายกับคนไข้ ในการปรึกษาเเนวทางการรักษา

    ปัจจุบันช่องทางออนไลน์นั้น เอื้อประโยชน์ในการให้คำปรึกษาคนไข้ รวมไปถึงการเเจ้งตารางนัดหมายเพื่อเข้ารับการรักษา

    ซึ่งจะทำให้เกิด Relationship กับคนไข้ได้ดียิ่งขึ้น ทำให้คนไข้รู้สึกเหมือนกำลังได้รับคำปรึกษากับทีมผู้เชี่ยวชาญตัวจริง

    ชุดว่ายน้ำ

    5 Ways to be ซุปตาร์บนชายหาด

    ชุดว่ายน้ำ

    5 Ways to be ซุปตาร์บนชายหาด

    Summer is coming! เมื่อเอ่ยถึงฤดูร้อน หรือช่วง Summer สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงอันดับต้นๆ ก็คือ แสงแดด ทะเล  และชายหาด  นั่นเอง และเมื่อพูดถึงทะเล สาวๆ หลายคน ก็คงเตรียมความพร้อมที่จะใส่บิกินี่สวยๆ เพื่อถ่ายรูปลงโซเชียลมีเดียต่างๆ ส่วนหนุ่มๆ เองก็เตรียมฟิตหุ่นให้พร้อมโชว์กล้ามท้อง ที่สะกดสายตาเช่นกัน

     

    แต่…ก็ยังมีหนุ่มๆ สาวๆ จำนวนไม่น้อยที่ชุดพร้อมแล้ว เหลือแต่ความมั่นใจที่ยังไม่พร้อม!! ไม่มั่นใจในรูปร่างบ้าง ผิวพรรณบ้าง ซึ่งในบทความนี้ เราได้รวบรวม 5 เคล็ดลับของเหล่าซุปตาร์ มาแชร์ให้ทุกคนได้เตรียมตัว Go the beach อย่างมั่นใจ ตลอด Summer มาฝากกันค่ะ

    ชุดว่ายน้ำ

    1. Confident is First!

    การใส่บิกินี่ หรือชุดว่ายน้ำรัดรูปใดๆ ก็ตามให้สวยนั้น บางครั้งก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องมีหุ่นที่ดีเหมือนนางแบบเท่านั้นนะคะ เพราะว่าทุกคนล้วน “ดูดี” ในแบบของตัวเอง ขอเพียงแค่เราสร้างความมั่นใจขึ้นมา ปลดปล่อยพลังบวก และเผยรอยยิ้มอย่างเป็นมิตรออกมาสู่ทุกคน เสน่ห์ของคุณก็จะเฉิดฉายออกมาด้วยเช่นกัน รับรองได้เลย ใครอยู่ใกล้ต้องหลงเสน่ห์ของคุณแน่ๆ

    ชุดว่ายน้ำ

    2. เลือกชุดให้เหมาะกับรูปร่าง

    การรู้จักรูปร่างของตัวเองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเลือกชุดว่ายน้ำรวมถึงชุดอื่นๆ เพื่อเสริมจุดเด่นและพลางจุดด้อย ให้เรามีบุคลิกภาพที่ดียิ่งขึ้นได้ รวมทั้งอาจหา Accessories สวยๆ หรือผ้าคลุม เก๋ๆ ซักผืนมาใส่เพื่อพรางตัว และเพิ่มความสดใสให้ตัวเองก็ได้เช่นกันค่ะ หรือหากคุณมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้นอีกนิดนึง การเลือกใช้เทคโนโลยีสลายไขมันก็เป็นที่นิยมมากเช่นกัน เพราะเปรียบเสมือนการซื้อเวลาให้หุ่นสวยเข้ารูปได้แบบเร่งด่วนค่ะ

    ชุดว่ายน้ำ

    3. ดูแลผิวอย่างจัดเต็ม

    ก่อนจะถึงวันใส่บิกินี่ อย่าลืมเตรียมผิวให้พร้อมด้วยนะคะ ซึ่งจริงๆ แล้วการมีผิวที่สวยสะกดสายตา ไม่จำเป็นต้องผิวขาวเสมอไป เราสามารถเป็นคนผิวสีแทน สีน้ำผึ้งที่สีผิวเสม่ำเสมอ เกลี้ยงเกลา ดูสุขภาพดีได้เช่นกันค่ะ โดยทางลัดไปสู่ผิวสวยระดับซุปตาร์ สมัยนี้ก็มีหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการขัดผิว มาส์กหน้า เติมวิตามิน การทำเลเซอร์ผิวใส เป็นต้น เพราะเมื่อผิวของเราพร้อม ก็ยิ่งเพิ่มความมั่นใจ และทำให้เราใส่บิกินี่ได้สวยยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนสาวๆ คนไหนที่เข้าคลินิกหรือสปาบำรุงผิวอยู่แล้ว ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยนะคะ

    งดโซเดียม ลดน้ำหนัก

    4. ลดเค็ม … ลดบวม

    สาวบางคนที่รู้สึกว่าตัวเองอ้วน แต่แท้จริงแล้ว เป็นอาการบวมน้ำ ที่เกิดจากการทานอาหารรสเค็มจัด โดยตัวการหลักนั้น คือ เจ้าโซเดียม ซึ่งจะอมน้ำที่อยู่ในร่างกายเรา จนทำให้เกิดอาการบวมทั้งหน้าและตัว ดังนั้นก่อนมีแพลนจะโชว์หุ่นสวยในชุดบิกินี่ เราควรใส่ใจการทานอาหารด้วยนะคะ ถ้าจะให้ดีไปกว่านั้น หาเวลาออกกำลังกายร่วมด้วยนะจ๊ะ

    กำจัดขนถาวร

    5. ผิวเรียบเนียนไร้ขนกวนใจ

    แน่นอนว่า เมื่อต้องใส่ชุดว่ายน้ำ เราคงไม่อยากให้มีเจ้าขนที่ไม่พึงประสงค์ หลุดรอดออกมากวนใจของเรา ดังนั้นการเตรียมตัวก่อนใส่บิกินี่อีกอย่างที่สำคัญ คือการกำจัดขนนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันมีหลายวิธีให้เราเลือกสรร ทั้งการใช้ครีมกำจัดขน การโกน ถอน หรือแว็กซ์ แต่หากใครที่กลัวเจ็บ สมัยนี้ก็มีนวัตกรรมทางการแพทย์ที่คิดค้นการกำจัดขนมาเพื่อคุณ ทั้งที่เป็นชนิด Diode Laser หรือ YAG ที่สามารถกำจัดขนได้อย่างอ่อนโยน และลดการเกิดใหม่ของขนอีกด้วยค่ะ

    SculpSure®

    The SculpSure device provides WarmSculpting™ treatments for non-invasive body contouring that permanently reduces stubborn fat without surgery or downtime.

    Venus Legacy™

    The highly advanced non-invasive medical device that effectively resolves challenging face and body aesthetic needs, such as non-surgical circumferential reduction, cellulite reduction, skin tightening, and wrinkle reduction.

    กำจัดขน

    ขนเจ้าปัญหา กับวิธีกำจัดออกรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

    กำจัดขน

    ขนเจ้าปัญหา กับวิธีกำจัดออกรูปแบบต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ

    การมีผิวสวย ไม่ใช่แค่การมีผิวขาวกระจ่างใส แต่รวมถึงการมีผิวที่เรียบเนียน ปราศจากริ้วรอย หรือเม็ดสีกระดำกระด่าง และอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นปัญหาสำหรับคนส่วนใหญ่และเป็นหนึ่งในหัวข้อสนทนาในกลุ่มสาวๆ ยุคปัจจุบันนี้ ก็คือเรื่องขนนั่นเอง โดยเจ้าขนนี้ เป็นอวัยวะที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แต่หากมีมากจนเกินไป ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาได้ ทั้งในเรื่องของความสะอาด กลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ รวมถึงความมั่นใจในการสวมใส่เสื้อผ้าของหนุ่มๆ และสาวๆ ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการกำจัดขนกัน เพื่อให้เราเข้าใจและเลือกวิธีการกำจัดขนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

    การกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของไทย ซึ่งผู้หญิงในอยุธยา กว่า 100 ปีที่ผ่านมา มีการใช้แหนบในการถอนขนบริเวณรักแร้ ซึ่งยังมีการใช้วิธีการนี้อยู่เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ดังปรากฏหลักฐานอยู่ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าฟ้าธรรมมาธิเบศร แห่งราชวงศ์บ้านพูหลวง ความว่า

     

    ไรน้อยรอยแหนบทึ้ง…..ถอนแถว

    เป็นระเบียบตามแนว…..รอบเกล้า

    ริมเผ้าเพราพริ้งแวว…..แลเลิศ

    ผมมวยรวยปีกเจ้า…..เรียบร้อยไรงาม

     

    ต่อมาเมื่อความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีส่วนในด้านต่างๆ ของเรามากขึ้น จึงได้เกิดวิธีการต่างๆ เพื่อใช้ในการกำจัดขนมาจนถึงปัจจุบัน โดยเราสามารถแบ่งการกำจัดขนได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

    • Depilation : เป็นการกำจัดขนเพียงบริเวณพื้นผิว โดยไม่ทำลายโครงสร้างของขนใต้ผิวหนังเลย เช่น การแว๊กซ์ การโกน รวมถึงการใช้ครีมกำจัดขน ซึ่งเป็นการกำจัดขนได้เพียงระยะสั้นๆ ไม่เกิน 2-3 สัปดาห์ เท่านั้น นอกจากเป็นวิธีการที่เจ็บแล้ว ยังส่งผลข้างเคียง ทั้งทำให้เกิดผิวหนังไก่ รอยแผล รอยดำ ต่างๆ ได้อีกด้วย

     

    • Epilation : เป็นการกำจัดขนที่สามารถทำลายได้ลึกถึงโครงสร้างของเส้นขนภายใต้ชั้นผิวหนัง เช่น การใช้ LASER , IPL หรืออุปกรณ์ Electroepilation ที่ให้ผลการรักษาได้ในระยะเวลายาวนานหลายสัปดาห์ ซึ่งวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือการกำจัดขนด้วย LASER  แต่ควรเลือกสรรให้เหมาะสมกับตัวเองเนื่องจากหากเลือกใช้เลเซอร์ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ เช่น ผิวเกิดการเบิร์น แสบผิว หรือนอกจากขนจะไม่หลุดล่วงไปแล้วยังอาจทำให้ขนเกิดมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

    การใช้เทคโนโลยี LASER เพื่อการกำจัดขนนั้น สามารถกำจัดขนได้ในระยะ Anagen phase เท่านั้น และขนในแต่ละบริเวณก็มีวงจรชีวิตที่แตกต่างกันออกไป สำหรับเลเซอร์ที่ได้รับการออกแบบเพื่อการกำจัดขนโดยตรง มีด้วยกันหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น Ruby Laser (694 nm) , Alexandrite Laser (755 nm) , Nd : YAG Laser (1064 nm) และ Diode Laser (800-810 nm, 940 nm, 1064-1350 nm)  โดยทุกชนิดมีหลักการทำงานด้วยการส่งพลังงานเลเซอร์ลงสู่รากขนอย่างช้าๆ (รูปแบบ Long pulse (ms)) ซึ่งเซลล์เม็ดสีเมลานินในเส้นขนจะทำหน้าที่เป็นโครโมฟอร์ที่ดูดซับพลังงานเลเซอร์ไว้ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนและถ่ายเทสู่เซลล์ต้นกำเนิดขน ทำให้เนื้อเยื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างขน รวมถึงเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยงเส้นขนไม่สามารถผลิต Stemcell  ต้นกำเนิดของเส้นขนได้ ส่งผลให้วงจรการเกิดใหม่ของเส้นขนมีความช้าลง บางลง จนหมดไปในที่สุดหากทำการเลเซอร์ติดต่อกันซ้ำๆ อย่างต่อเนื่อง

     

    สำหรับเลเซอร์เพื่อการกำจัดขนในประเทศไทยที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน คือ Long pulse Nd: YAG และ Diode Laser เนื่องจากสามารถตอบโจทย์การรักษาได้ดีที่สุด จึงทำให้หลายๆ คนเกิดข้อสงสัยว่าระหว่าง YAG และ Diode Laser แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน และผิวของคนไทยอย่างเรา เหมาะกับ Laser ชนิดใดกันแน่

     

     

    Long pulse Nd : YAG Laser

    Long pulse Nd : YAG หรือที่คนทั่วไปรู้จักในชื่อ “YAG Laser” เป็นเลเซอร์ที่มีความยาวคลื่น 1064 nm.

     

    ข้อดี

    • มีความจำเพาะเจาะจงต่อเมลานินสูง
    • พลังงานสามารถลงได้ลึกสูงสุด 7
    • แก้ไขปัญหาขนคุดได้
    • สามารถทำในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ได้
    • ปลอดภัยสำหรับทุกสีผิว Skin Type I-VI

    ข้อจำกัด

    • ให้ความรู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
    • มีข้อจำกัดในการกำจัดขนเส้นที่บางมากๆ
    • ต้องใช้พลังงานค่อนข้างสูง อาจทำให้เสี่ยงเบิร์นได้

     

    Diode Laser

    Diode Laser เป็นเทคโนโลยีน้องใหม่ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดขน โดยมีความยาวคลื่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น 800 – 810 nm , 940 nm , 1064 -1350 nm

     

    ข้อดี

    • มีความจำเพาะเจาะจงต่อเมลานินสูงมาก
    • สามารถให้ผลการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แม้ใช้พลังงานต่ำ
    • รักษาได้อย่างรวดเร็ว
    • ปลอดภัยต่อผิว มีความเสี่ยงน้อย
    • มี Cooling สำหรับผิวด้านบน ทำให้รู้สึกสบายขณะทำการรักษา
    • เหมาะสำหรับผู้มีผิว Skin type I-V

    ข้อจำกัด 

    • ยังมีผลการวิจัยค่อนข้างน้อย
    • มีข้อจำกัดในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ที่เข้าถึงยาก

     

    นวัตกรรมเพื่อการกำจัดขนแต่ละประเภทนั้น ต่างมีข้อดี และข้อจำกัดที่ต่างกันออกไป ดังนั้นเราจึงไม่อาจตัดสินได้อย่างแน่ชัดว่านวัตกรรมใดจะดีที่สุด เนื่องจากต้องพิจารณาถึงปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน ไม่ว่าจะเป็นสีผิว สีของเส้นขน บริเวณที่ทำการรักษา ระยะวงจรชีวิตของขน นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคลรวมถึงประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของผู้ทำการรักษาด้วย ดังนั้นการศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนเข้ารับการรักษาจะช่วยให้เราเลือกนวัตกรรมในการกำจัดขนที่เหมาะสมกับเรา และทำให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

    ทำการตลาดคลินิกกำจัดขน

    ทำการตลาดทรีทเมนท์กำจัดขนถาวรในคลินิกเสริมความงามอย่างไร? ให้เหนือกว่าแบบ Home user

    ทำการตลาดคลินิกกำจัดขน

    ทำการตลาดทรีทเมนท์กำจัดขนถาวรในคลินิกเสริมความงามอย่างไร? ให้เหนือกว่าการกำจัดขนเองที่บ้าน

    การกำจัดขนยังคงเป็นอีกหนึ่งความต้องการในตลาดความงามทั่วโลกของทุกเพศ ที่ต้องการมีผิวใสไร้เส้นขน โดยมูลค่าของตลาดเลเซอร์กำจัดขนทั่วโลก มีมูลค่า 587 ล้าน และคาดว่าจะเติบโตในอัตรา ร้อยละ 15% นับจากนี้ ไปจนถึงปี 2569 โดยที่ผ่านมาตลาดความงาม ได้พยายามสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคโดยไม่ต้องไปเข้ารับบริการจากคลินิกเสริมความงาม ก็สามารถมีผิวสวย เนียน ใส ได้ ทั้งในรูปแบบของครีมกำจัดขน เครื่องกำจัดขนแบบ Home User โดยใช้ลำแสงที่มีเข้มข้นสูง อย่าง IPL (ย่อมาจาก Intense Pulsed Light) ที่ราคาต่ำแต่ความแม่นยำและผลลัพธ์นั้น ไม่สามารถเทียบได้กับอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างเครื่องเลเซอร์ ที่ได้รับการรองรับจากงานวิจัยทางการแพทย์ แล้วถึงประสิทธิภาพ ที่ช่วยกำจัดเส้นขนอย่างถาวร โดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

    ซึ่งนับเป็นเรื่องยากที่คลินิกความงามในตลาดของประเทศไทย จะต่อสู้กับตลาดของการกำจัดเส้นขน ในยุค 2021 นี้


    สิ่งสำคัญที่จะสามารถชิงส่วนแบ่งทางการตลาดกลับคืนมาจากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ คือการทำให้คนไข้ เข้าใจถึงหลักการของการทำงานของลำแสงเลเซอร์ ที่มีนาโนเมตรเหมาะสมกับการกำจัดขน ที่สามารถลงลึกได้ถึงรากขนอย่างแท้จริง ร่วมกับความเข้าใจ ในเรื่องของ วงจรชีวิตของเส้นขน (Hair growth cycle)

    เรื่องน่ายินดี คือ คนไข้ส่วนใหญ่ที่ต้องการกำจัดเส้นขนแบบถาวร เลือกที่จะไว้วางใจเครื่องมือแพทย์ หรือเครื่องเลเซอร์กำจัดขน รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีเพียง 15% เท่านั้น ที่เสียเงินทดลองเครื่องกำจัดขนแบบ Home user  อีกหนึ่งสิ่ง คือการให้คนไข้นั้นเข้าใจถึง ความคุ้มค่าของการทำทรีทเมนท์กำจัดขนแบบถาวรเมื่อเทียบกับเครื่องมือที่ไม่ใช่เกรดเครื่องมือแพทย์

    ทำไมทรีทเมนท์การกำจัดขนถาวรที่ใช้เครื่องมือแพทย์โดยแพทย์ผู้เชียวชาญถึงดีกว่า?

    เมื่อพิจจารณาถึงผลลัพธ์ด้านการรักษาแล้ว จะพบว่ามีประสิทธิภาพที่สูงกว่าเครื่องกำจัดขนแบบ Home user ทั้งในด้านของความปลอดภัยกว่า ความสามารถปรับค่าพลังงานได้หลากหลายเพื่อให้เหมาะสมกับทุกสีผิว และผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า อย่างเช่น MeDioStar Monolith ไดโอดเลเซอร์กำจัดขนถาวร จากประเทศเยอรมันนี เนื่องจากใช้เลเซอร์ถึง 2 ช่วงคลื่น ในกลุ่มของเลเซอร์ Diode (810 และ 940 nm) ที่สามารถกำจัดเส้นขน และเส้นเลือดฝอยที่หล่อเลี้ยงรากขนได้ในหนึ่งเดียว


    อย่างไรก็ตามอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะสื่อสารกับคนไข้ให้เข้าใจ ซึ่งอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการสื่อสารผ่านเครื่องมือทางการตลาดในคลินิกของคุณ ในบทสรุปนี้คุณอาจจะต้องใช้ความพยายามอย่างค่อยเป็นค่อยไปกับคนไข้ในอนาคตของคุณ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการรักษาที่มีความปลอดภัยสูง ได้มาตรฐานสากล และเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ

    TBMGoldenSociety

    THE GOLDEN SOCIETY OF AESTHETIC MEDICINE

    THE GOLDEN SOCIETY OF AESTHETIC MEDICINE

    อัพเดทเทรนด์ความงามกับเทคโนโลยีมาตรฐานระดับโลก

    TBMGoldenSociety

    ประมวลภาพบรรยากาศและวิวอันงดงามดุจดั่งทองริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาภายในงาน THE GOLDEN SOCIETY OF AESTHETIC MEDICINE ณ เรือสำราญ Saffron Cruise By Banyan Treeทางบริษัท ขอกราบขอบพระคุณคุณหมอทุกท่าน ที่ให้ความสนใจนวัตกรรมและกิจกรรมของทางเราในครั้งนี้เป็นอย่างมาก และเรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ดูแลคุณหมอในทุกโอกาสต่อๆ ไปค่ะ

    จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต

    จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต?

    จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต

    จับตามองทิศทางของตลาดการปลูกผม จะเป็นอย่างไรในอนาคต?

    เริ่มต้นปี ด้วยเทรนด์ด้านความงามใหม่ๆ ที่อาจช่วยตอบข้อสงสัยของแพทย์ที่กำลังพิจารณาเพิ่มไลน์ทรีทเมนท์การรักษาในคลินิกของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น การปลูกผม ซึ่งแพทย์หลายท่านอาจมีความกังวลในการเริ่มลงทุนว่าจะให้ผลที่คุ้มค่าหรือไม่? วันนี้เรามาหาคำตอบกันค่ะ

     

    ซึ่งจากผลการสำรวจของสมาคมศัลยกรรมปลูกผมนานาชาติ (ISHRS) ในช่วงระหว่างปี 2016-2019 จำนวนของผู้ที่มีปัญหาผมร่วงจนถึงจุดที่ต้องการการรักษาทางการแพทย์เพิ่มขึ้นกว่า 13%  และนอกจากนี้จากผลการสำรวจยังเผยว่า ในปี 2019 มีการผ่าตัดเพื่อฟื้นฟูปัญหาเส้นผมโดยผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลกสูงถึง 735,312 ครั้ง ซึ่งมีสถิติสูงขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปี 2016 

     

    จากปี 2019 ที่ผ่านมามีผู้ป่วยที่มีปัญหาเส้นผมจำนวน 1,401,589 ราย ที่เลือกวิธีการฟื้นฟูเส้นผมด้วยเทคนิค Follicular Unit Extraction (FUE) โดยมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปี 2016 อยู่ที่ประมาณ 13% และเมื่อเทียบสถิติจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการปลูกผมตั้งแต่ปี 2008- 2019 ระบุว่ามีการเติบโตที่สูงขึ้นถึง 157%  ซึ่งสถิติเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของเทรนด์การฟื้นฟูเส้นผมจากทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอตัวลงในระยะเวลาอันใกล้นี้

     

    โดยจากผู้เข้ารับการรักษาจากทั่วโลก โดยแบ่งผู้ป่วยออกเป็นแต่ละทวีป มีสถิติดังนี้

    • ทวีปเอเชีย : 196,630 คน
    • ตะวันออกกลาง : 188,360 คน
    • สหรัฐอเมริกาและแคนาดา : 182,025 คน
    • ยุโรป : 106,949 คน
    ประโยชน์ของขน

    มารู้จัก ขน อวัยวะใกล้ตัวที่มากด้วยประโยชน์

    ประโยชน์ของขน

    มารู้จัก "ขน" อวัยวะใกล้ตัวที่มากด้วยประโยชน์

    นอกจากความเข้าใจในเรื่องโครงสร้างผิวหนัง และหน้าที่ของผิวหนัง เพื่อการดูแลตัวเองได้อย่างตรงจุดแล้ว อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจซึ่งมักถูกมองข้ามไปนั้น คือ.. เรื่องของ “ขน” ซึ่งตามจริงแล้ว เจ้าขนเส้นเล็กๆ นั้น เป็นอวัยวะที่อยู่คู่กับเราทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย อยู่ทั่วร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ยกเว้นบริเวณฝ่ามือ และฝ่าเท้าเท่านั้นเอง รวมๆ แล้ว มีจำนวนกว่าหลายล้านเส้น ซึ่งแม้ว่า “ขน” เหล่านี้ อาจไม่ได้มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการดำรงชีวิตของเรา แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าขนเหล่านี้มีความสำคัญต่อจิตใจของเราไม่มากก็น้อย ทั้งการเพิ่มความมั่นใจ เพิ่มความความสวยความงาม และสามารถจำแนกเชื้อชาติของคนได้ในระดับหนึ่งอีกด้วย 

    นิยามของคำว่า "ขน"

    ขน” หรือ Hair เป็นหนึ่งในอวัยวะของร่างกายที่มีความซับซ้อน และมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามบริเวณของร่างกาย เช่น ผม คิ้ว หนวด เครา ทั้งหมดล้วนแต่เป็นขนทั้งสิ้น เส้นขนโดยทั่วไปมีองค์ประกอบหลักเป็นเส้นใยโปรตีน ที่เรียกว่า เคราติน หน้าที่หลักเพื่อปกคลุมร่างกาย ปกป้องผิวจากอันตรายต่างๆ รักษาอุณหภูมิ และเป็นอวัยวะรับความรู้สึกอย่างหนึ่งในร่างกายด้วย

     

    เราสามารถจำแนกประเภทของเส้นขนได้อย่างกว้างๆ เป็น 3 ประเภท คือ

    • ขนอ่อน (Lanugo Hair) เป็นขนชุดแรกของเราตั้งแต่เป็นทารกในช่วงอายุครรภ์ 16- 20 สัปดาห์ มีลักษณะเป็นเส้นบาง อ่อนนุ่ม และสีอ่อนมาก ขนชุดนี้มักหลุดออกจากร่างกายตั้งแต่ก่อนคลอด หรือหลังคลอดไม่เกิน 2-3 สัปดาห์
    • ขนเวลลัส (Vellus Hair) เป็นขนที่มีความยาวไม่เกิน 2 เซนติเมตร เส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 30 ไมครอน มีลักษณะสั้น บาง และสีอ่อน มักพบตามใบหน้า และลำตัว มีหน้าที่ในรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
    • ขนเทอร์มินัล (Terminal Hair) เป็นขนสีเข้ม เส้นใหญ่ ค่อนข้างหนาและหยาบ มีความยาวมากกว่า 1 เซนติเมตร ซึ่งได้แก่ เส้นผม ขนคิ้ว หนวด เครา ไปจนถึงขนบริเวณใต้วงแขน และจุดซ่อนเร้น

    ความสำคัญของ "ขน" แต่ละประเภท

    เราทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า เกือบทั่วทุกส่วนของร่างกายจะถูกปกคลุมไปด้วย “ขน” ซึ่งขนแต่ละบริเวณก็มีความสำคัญแตกต่างกันออกไปดังนี้ค่ะ

     

    เส้นผม

    เป็นขนชนิดหนึ่งที่ขึ้นปกคลุมหนังศีรษะ มีประมาณ 1 แสนเส้น มีการหลุดร่วงเป็นปกติ ในทุกๆ วัน วันละ 10-100 เส้น หน้าที่หลักของเส้นผม เพื่อปกป้องหนังศีรษะจนถึงช่วงท้ายทอยของเราไม่ให้ได้รับความร้อน และแสงแดดมากจนเกินไป ทั้งช่วยปกป้องอวัยวะสำคัญบริเวณศีรษะ หรือ สมอง จากการกระทบกระเทือนหรือแรงกระแทก ป้องกันฝุ่นละออง และอันตรายต่างๆ รวมถึงเหงื่อไม่ให้เข้าสู่ใบหน้ามากจนเกินไป นอกจากนี้ยังมีผลต่อบุคลิกภาพของเราทุกคนไม่มากก็น้อยอีกด้วย 

     

    คิ้ว

    เรามักได้ยินคำกล่าวที่ว่า “คิ้ว” คือ มงกุฎของใบหน้า คิ้วเป็นหนึ่งในชนิดเส้นขนที่ค่อนข้างสำคัญในการเสริมความมั่นใจด้านความสวยงามของทั้งชายและหญิง ซึ่งเราคงคุ้นชินกันเรื่องยาปลูกคิ้ว สำหรับผู้มีปัญหาคิ้วน้อย สำหรับหน้าที่ของคิ้ว คือ การปกป้องสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตาเนื่องจากเป็นบริเวณที่ไวต่อการรับสัมผัสมาก และเรายังสามารถแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านทางคิ้วได้อีกด้วย

     

    ขนตา

    ขนตามีหน้าที่ในการป้องกันฝุ่นละออง และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่ดวงตาเช่นเดียวกับคิ้ว ขนตามีความบอบบาง หลุดร่วงได้ง่าย และสามารถช่วยลดการระเหยของน้ำตา เพื่อเป็นการรักษาความชุ่มชื้นให้ดวงตาได้อีกระดับหนึ่ง ทั้งยังเสริมความคมชัดให้กับดวงตาเวลาที่เราแต่งหน้า 

     

    ขนจมูก

    จมูก เป็นอวัยวะที่เราใช้หายใจ ดังนั้นขนจมูกของเราจึงนับว่ามีความสำคัญมาก มีหน้าที่ในการกรองฝุ่นละออง เชื้อโรคและสิ่งสกปรก ไม่ให้เข้าสู่ปอดของเรา หากไม่มีเจ้าขนจมูกนี้ ร่างกายอาจได้รับเชื้อโรคต่างๆ โดยตรง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและผลเสียต่อสุขภาพ

     

    ขนรักแร้

    เป็นขนที่หลายๆ คน ต้องการกำจัดออก ตามจริงแล้ว ขนรักแร้มีประโยชน์กับเรา โดยช่วยลดการเสียดสีกับผิวหนังบริเวณนั้น ช่วยลดเหงื่อ และป้องกันเชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้ติดกับผิว และเป็นตัวช่วยกระจายตัวของฟีโรโมน (สารเคมีประเภทหนึ่งในการดึงดูดเพศตรงข้าม) แต่หากเราขาดการดูแลความสะอาด อาจทำให้กลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค เป็นที่มาของกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ และอาจเกิดเป็นเชื้อราได้อีกด้วย

     

    ขนในจุดซ่อนเร้น

    เป็นขนที่ค่อนข้างมีความสำคัญมากๆ ต่อทั้งผู้หญิง และผู้ชาย มีหน้าที่หลากหลาย ทั้งช่วยป้องกันกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ การป้องกันเชื้อโรค แบคทีเรียต่างๆ ไม่ให้เข้าสู่ภายในช่องคลอด รวมทั้งช่วยลดการเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์และการเสียดสีกับกางเกงชั้นในด้วย นอกจากนี้เส้นขนในบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้ชายนั้น ช่วยในการรักษาอุณหภูมิทำให้สเปิร์มสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกด้วย

     

    ขนบริเวณร่างกาย

    หน้าที่สำคัญคือช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ และป้องกันไม่ใช้ปรสิตตัวน้อยๆ ไม่ให้กัดผิวหนังและนำเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย

    จะเห็นได้ว่า ความจริงแล้ว เจ้าขนเส้นเล็กๆ เหล่านั้น ล้วนมีประโยชน์กับเรา ขนในบางบริเวณอาจต้องการการดูแลรักษาความสะอาดที่มากขึ้น เพื่อป้องกันการสะสมของเหงื่อ ไคล และแบคทีเรีย จนอาจส่งผลร้ายตามมา ความหนาหรือบางของขน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งเพศ เชื้อชาติ พันธุกรรม ซึ่งหากใครที่กังวลในเรื่องของความสวยความงาม ต้องการที่จะกำจัดขนส่วนเกินออกไป  ก็ล้วนแล้วแต่วิจารณญาณส่วนบุคคลนะคะ แต่ก่อนที่เราจะเลือกเทคโนโลยีหรือวิธีการต่างๆ ในการกำจัดขนที่ไม่พึงประสงค์ออกไปจากร่างกาย เรามาทำความรู้จักให้ลึกลงไปถึงโครงสร้างและวงจรชีวิตของขนกันค่ะ

    โครงสร้างของขน

    โครงสร้างของขน

       เส้นขนแบ่งหลักๆ ได้ 2 ส่วน คือส่วนที่อยู่ใต้ชั้นผิวหนังลงไป ซึ่งเราเรียกรวมว่า รากขน (Hair root) และส่วนที่พ้นผิวหนังออกมาสู่ภายนอก เรียก เส้นขน (Hair Shaft)

     

       ขนเติบโตมาจากรากขน (Hair root) ที่วางตัวอยู่ในลักษณะเฉียง เจริญอยู่ในรูขุมขน (Hair follicle) ที่มีรูปร่างคล้ายหลอด ฝังตัวอยู่บริเวณชั้นหนังกำพร้าลึกลงไปสู่หนังแท้ ที่บริเวณปลายสุดของรากขน มีลักษณะโป่งพองออกเป็นทรงกระเปาะ ที่มีส่วนเว้าเข้าด้านในรูปทรงคล้ายกับคีม เรียกว่า กระเปาะผม (Hair bulb) นอกจากนั้น บริเวณส่วนปลายลึกสุด จะมีส่วนชั้นหนังแท้คล้ายกับนิ้วมือยื่นเข้ามาในโพรงของ hair bulb ซึ่งก็คือ แฮร์พะพิลลา (Hair papillae) เป็นที่อยู่ของ hair matrix ที่มีเส้นประสาทและเลือดมาหล่อเลี้ยง ซึ่งมีความสำคัญต่อการงอกและเติบโตของเส้นขน ทั้งยังเป็นส่วนที่สร้างเคราตินและเม็ดสีในเส้นขน หากแฮร์พะพิลลานี้ตายหรือเสื่อมสภาพไป จะทำให้เส้นขนขาดสารอาหารและหลุดออกไปโดยไม่สามารถเกิดขึ้นใหม่ได้อีก

     

       เส้นขน (Hair Shaft) เป็นส่วนที่โผล่พ้นออกมาเหนือผิวหนัง มีโปรตีนที่เรียกว่าเคราติน มากกว่า 95% เป็นองค์ประกอบหลัก โดยเคราติน ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนและแร่ธาตุต่างๆ เช่น คาร์บอน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และซัลเฟอร์ โดยเส้นขนนั้นมีหน้าที่สำคัญในการปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ที่อาจกระทบ รวมทั้งช่วยในการรักษาอุณหภูมิร่างกาย

     

    หากเรามองภาพตัดขวางของเส้นขนจะแบ่งได้ออกเป็น 3 ชั้น ดังนี้

    1. เกล็ดผม (Cuticle) เป็นชั้นนอกสุด มีลักษณะโปร่งแสง ประกอบด้วยเคราติน มีลักษณะเป็นชั้นคล้ายเกล็ดปลาเรียงซ้อนกัน 5- 10 เกล็ด มีความหนาประมาณ 0.5-1.0 ไมครอน ทำหน้าที่ป้องกันสิ่งสกปรกไม่ให้ซึมผ่านเข้าไปทำลายโครงสร้างภายในของเส้นขน รวมทั้งลดการสูญเสียความชุ่มชื้นภายในเส้นขนอีกด้วย
    2. เนื้อผม (Cortex) เป็นชั้นที่มีความสำคัญมากที่สุด และหนาที่สุด ประกอบด้วยเซลล์รูปกระสวยที่มีเส้นใยโปรตีนเรียงอัดแน่นตามแนวยาว มีความหนาประมาณ 50-100 ไมครอน ซึ่งเส้นใยโปรตีนนี้จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นให้กับเส้นขน และยังเป็นมีเมลาโนไซต์ซึ่งเป็นตัวสร้างเม็ดสีซึ่งเป็นตัวกำหนดสีขนที่แตกต่างกันตามธรรมชาติของแต่ละบุคคล
    3. แกนผม (Medulla) เป็นส่วนของแกนเส้นขนที่อยู่ชั้นในสุด เกิดจากโปรตีนและไขมัน มักพบในผมที่มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง

    วงจรของเส้นขน

    เมื่อเรารู้ถึงโครงสร้าง หน้าที่การทำงาน และประโยชน์ของเจ้าขนเส้นน้อยๆ ไปแล้ว ส่วนสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้และสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ คือ เรื่องวงจรชีวิตของขน ตั้งแต่การเติบโตจนหลุดร่วงออกไป โดยขนแต่ละบริเวณจะมีช่วงเวลาชีวิตที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักแล้ว จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

     

    1. ระยะเติบโต (Anagen Phase) เป็นช่วงที่เส้นขนมีการเจริญเติบโต มีการแบ่งเซลล์ และได้รับสารอาหารต่างๆจากเส้นเลือดที่มาหล่อเลี้ยง  โดยเส้นขนต่างๆ ในร่างกาย กว่า 85% มักอยู่ในระยะนี้ มีอายุได้นานประมาณ 3 ปี หากไม่มีปัจจัยภายนอกมากระทบ
    2. ระยะหยุดเจริญเติบโต (Catagen Phase) เป็นระยะที่เส้นขนหยุดการเจริญเติบโต เส้นขนหลุดออกจากเส้นเลือดทำให้ไม่ได้รับสารอาหารต่างๆ มาหล่อเลี้ยง และเริ่มเข้าสู่ระยะหลุดร่วง โดยระยะนี้จะมีระยะเวลาสั้นๆ ประมาณ 2 สัปดาห์เท่านั้น
    3. ระยะหลุดร่วง (Telogen) เป็นระยะสุดท้ายที่เส้นขนกำลังหลุดร่วงออกจากโคนขน มีระยะเวลาเฉลี่ย 1-3 เดือนและมีขนเส้นใหม่ขึ้นมาแทนที่ เป็นการกลับเข้าสู่ระยะ Anagen Phase อีกครั้ง

    เมื่อได้รู้ถึงวรจรของเส้นขนเหล่านี้แล้ว จะเห็นได้ว่า เมื่อมีการหลุดออก ก็มีการเกิดขึ้นใหม่ได้เป็นปกตินะคะ ส่วนอีกหนึ่งข้อที่ควรรู้คือ หากใครกำลังมองหาเทคโนโลยีในการกำจัดขนส่วนเกินออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น การแวกซ์ การใช้ IPL หรือเลเซอร์ จะสามารถกำจัดเส้นขนได้เฉพาะระยะ Anagen เท่านั้น และผลการรักษาที่ได้ในเรื่องของระยะเวลาที่ขนหายไป อาจแตกต่างกันออกไปในแต่ละเทคโนโลยีและบริเวณของเส้นขนที่เลือกกำจัดออก